วันอังคารที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ตื่นอย่างสดใสด้วย เคล็ดเด็ดแสนง่ายดาย (Lisa)

                    การ กระทำและการกินที่ถูกต้องจะทำให้คุณมีสมาธิ แข็งแรง และมองโลกในแง่ดีอย่างที่คุณต้องการ เพื่อที่จะฝ่าฟันวันอันแสนยุ่งเหยิงไปให้ได้ วันนี้เรามี 8 ทิปส์ ที่จะปลุกตัวเองให้เริ่มต้นวันใหม่อย่างสดใสมาฝากกัน 1.)เรียกพลังด้วยสี “การ ได้มองเห็นสีสันที่สดใส และคึกคักเมื่อคุณลืมตาขึ้นมา จะทำให้อะดรีนาลีนของคุณสูบฉีด และพลังที่แล่นขึ้นมาทันทีเช่นนั้นช่วยเคลียร์ความง่วงเหงาหาวนอน ซึ่งทำให้คุณตื่นตัว” ลีอาทริซ ไอส์แมน ผู้อำนวยการบริหารของ Pantone Color Institute บอกเช่นนั้น เลือกหมอนอิงสีแดง ส้ม เหลือง หรือบานเย็น หรือผ้าห่ม หรืองานศิลปะสักชิ้นในบริเวณที่คุณมองเห็นเป็นสิ่งแรกในตอนเช้า หรือใส่ชุดนอนสีเหล่านี้ หรือทำให้อาหารเช้ากระตุ้นสายตามากขึ้น (แถมเพิ่มคุณค่าอาหาร) ด้วยน้ำทับทิมหรือแครนเบอร์รี่ ที่อุดมด้วยแอนตี้ออกซิแดนต์พร้อมด้วยส้มสักผล 2.)ดื่มเครื่องดื่มให้พลังงานทันที การดื่มน้ำแก้วใหญ่ ๆ ทันทีที่คุณตื่นขึ้น เป็นวิธีที่ดีในการเติมความชุ่มชื้นที่ร่างกายสูญเสียไปตลอดคืน และให้พลังงานในทันที “ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในร่างกายคุณต้องการน้ำ” พญ.ฮอลลี่ แอนเดอร์สัน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านการแพทย์แห่ง Weill Comell Medical Center บอก “เมื่อได้รับน้ำไม่เพียงพอ ระบบของคุณจะต้องทำงานหนักกว่าเดิม ซึ่งอาจทำให้อ่อนล้าได้” ที่จริงแล้วแม้แต่การลดลงไปของน้ำที่เก็บกักในร่างกายเพียงแค่ 2% ก็สามารถทำให้คุณอิดโรยทั้งร่างกายและจิตใจได้แล้ว 3.) กุ๊กกิ๊กยามเช้า กิจกรรมทางกายเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุด ในการขับไล่อาการง่วงเหงาหาวนอน และการมีเซ็กซ์ก็เพิ่มระดับสารเคมีในร่างกาย ที่เกี่ยวข้องกับความแข็งแรง (เทสทอสเทอโรน) พลังงาน (โดพามีน) และความสงบ (ออกซิโทซิน) ดร.เอเลน อี.ฟิชเชอร์ ศาสตราจารย์ด้านการวิจัยของภาควิชามานุษยวิทยา ที่มหาวิทยาลัยรัทเกอร์บอกเช่นนั้น- -ช่างเป็นวิธีเริ่มต้นวันใหม่ที่แสนยอดเยี่ยมอะไรเช่นนั้น! 4.)ตื่นมากับดอกกุหลาบ การได้เห็นช่อดอกไม้บานทันทีที่ลืมตาตื่นขึ้นมา ทำให้ผู้หญิงในการศึกษาวิจัยชิ้นใหม่รู้สึกอารมณ์ดี และมีพลังวังชาที่ยาวนานไปตลอดทั้งวัน ดร.แนนซี่ เอทคอฟฟ์ แห่งคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดบอก 5.) นึกถึงภาพของวันที่รออยู่ เมื่อตื่นขึ้น หลับตาและนึกภาพตัวเองในภาวะที่ตื่นตัวและมีพลังวังชา “การนึกภาพกิจกรรมจุดไฟในส่วนเดียวกับสมองที่คุณใช้ เมื่อคุณทำกิจกรรมนั้นจริง ๆ” ดร.เดน่า ไลท์แมน นักจิตวิทยาด้านพฤติกรรมในเมืองอบิงตัน สหรัฐฯ บอก “การคิดในแง่บวกถึงวันที่รออยู่ทำให้คุณมีพลังวังชา” 6.) ให้แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามา แสงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามาทำให้คุณตื่นตัวมากขึ้น ฉะนั้น อ่านหนังสือพิมพ์ข้างหน้าต่างที่มีแสงส่องถึง หรือก้าวออกไปข้างนอกชั่วครู่เพื่อรับแสงแดดยามเช้า “แสงแดดให้สัญญาณแก่ร่างกายในการหยุดสร้างเมลาโทนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้คุณง่วงนอน” ดร.เจมส์ บี แมสส์ บอกเขาเป็นศาสตราจารย์และอดีตกรรมการ ของภาควิชาจิตวิทยาที่มหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ มันยังเพิ่มระดับเซโรโทนินในสมอง ซึ่งเป็นสารเคมีที่ทำให้อารมณ์ดีด้วย 7.) นวดหน้า การนวดหน้ากระตุ้นการไหลเวียนโลหิต และแน่นอนว่าทำให้รู้สึกตื่นตัว ผู้เชี่ยวชาญด้านสปาบอกเช่นนั้น เริ่มต้นนวดที่หน้าผากและไล่ลงมาที่คาง โดยใช้การกดหรือตบเบา ๆ ด้วยปลายนิ้ว ให้ความหนักและจังหวะที่แตกต่างกันไป จนกระทั่งคุณนวดทั่วไปใบหน้า โบนัสก็คือการทำแบบนี้ทำให้คุณดูเปล่งปลั่งขึ้นด้วย 8.) อย่าชะลอเวลาการปลุก เวลาที่คุณกดปุ่มนาฬิกาปลุกสมองของคุณจะรู้ว่ามันจะดังขึ้นมาอีก ในสองสามนาทีต่อมา คุณจึงจะไม่หลับลึก ซึ่งเป็นช่วงที่คุณจะได้พักผ่อนมากกว่า นั่นหมายความว่า คุณจะเหนื่อยอ่อนกว่า ที่คุณจะลุกขึ้นมาทันทีที่มันดังครั้งแรกวิธีที่ดีกว่าก็คือ “ตั้งนาฬิกาปลุกในเวลาที่คุณต้องตื่นจริง ๆ” ดร.โจดี้ มินเดลล์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการของ Sleep Disorders Center ที่โรงพยาบาลเด็กในฟิลาเดลเฟียบอก “การได้นอนเพิ่มขึ้น โดยไม่ถูกขัดจังหวะจะทำให้คุณได้พักผ่อนมากกว่า และสดชื่นกว่าเมื่อตื่นขึ้น”

ขอขอบคุณข้อมูลจาก นิตยสาร Lisa

วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ทำสิแล้วจะดี

สิ่งดีๆ ที่ต้องทำทุกวัน


1. จิบน้ำบ่อย ๆ
                          สมองประกอบด้วยน้ำ 85 % เชลล์ สมองก็เหมือนต้นไม้ที่ต้องการน้ำหล่อเลี้ยง ถ้าไม่มีน้ำ ต้นไม้ก็เหี่ยว ถ้าไม่อยากให้เชลล์สมองเหี่ยว ซึ่งส่งผลให้การส่งข้อมูลช้า กลายเป็นคนคิดช้าหรือคิดไม่ค่อยออก แต่ละวันจึงควรดื่มน้ำบ่อย ๆ

2. กินไขมันดี
                         คนไม่ค่อยรู้ว่าสมองคือก้อนไขมัน ซึ่งจำเป็นต้องมีไขมันดีไปทดแทนส่วนที่สึกหรอ แนะนำให้กินไขมันดีระหว่างวัน จำพวกน้ำมันปลา สารสกัดใบแปะก๊วย ปลาที่มีไขมันดีอย่าง ปลาแซลมอน นมถั่วเหลือง วิตามินรวม น้ำมันพริมโรสเป็นน้ำมันดี ที่ทำให้เชลล์ชุ่มน้ำ ส่วนวิตามินซีกินแล้วสดชื่น

3. นั่งสมาธิวันละ 12 นาที
                         หลังจากตื่นนอนแล้ว ให้ตั้งสติและนั่งสมาธิทุกเช้า วันละ 12 นาที เพื่อให้สมองเข้าสู่ช่วงที่มีคลื่น Theta ซึ่งเป็นคลื่นที่ผ่อนคลายสุด ๆ ทำให้สมองมี Mental Imagery สามารถจินตนาการเห็นภาพและมีความคิดสร้างสรรค์ ( ถ้าทำไม่ได้ตอนเช้า ) ให้หัดทำก่อนนอนทุกวัน

4. ใส่ความตั้งใจ
                            การตั้งใจในสิ่งใดก็ตาม เหมือนการโปรแกรมสมองว่านี่คือสิ่งที่ต้องเกิด ระหว่างวันสมองจะปรับพฤติกรรมเราให้ไปสู่เป้าหมายนั้น ทำให้ประสบความสำเร็จในสิ่งต่าง ๆ เพราะสมองไม่แยกระหว่างสิ่งที่ทำจริงกับสิ่งที่คิดขึ้น ทั้งสองอย่างจึงเป็นเสมือนสิ่งเดียวกัน

5. หัวเราะและยิ้มบ่อย ๆ
                           ทุกครั้งที่ยิ้มหรือหัวเราะ จะมีสารเอ็นโดรฟิน ซึ่งเป็นสารแห่งความสุข หลั่งออกมาเท่ากับเป็นการกระตุ้นให้มีความอยากรักและหวังดีต่อคนอื่นไป เรื่อยๆ

6. เรียนรู้สิ่งใหม่ทุกวัน
                           สิ่งใหม่ในที่นี้หมายถึง สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น กินอาหารร้านใหม่ ๆ รู้จักเพื่อนใหม่ อ่าน หนังสือเล่มใหม่ คุยกับเพื่อนร่วมงานและเรียนรู้วิธีการทำงานของเขา เป็นต้น เพราะการเรียนรู้สิ่งใหม่ทำให้สมองหลั่งสารเอ็นโดรฟิน และโดปามีน ซึ่งเป็นสารแห่งการเรียนรู้ กระตุ้นให้อยากเรียนรู้และสร้างสรรค์ ไปเรื่อย ๆ เมื่อมีความสุขก็ทำให้มีความคิดสร้างสรรค์

7. ให้อภัยตัวเองทุกวัน
                           ขณะที่การไม่ให้อภัยตัวเอง โกรธคนอื่น โกรธตัวเอง ทำให้เปลืองพลังงานสมอง การให้อภัยตัวเอง เป็นการลดภาระของสมอง

8. เขียนบันทึก Graceful Journal
                         ฝึกเขียนขอบคุณสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นแต่ละวันลงในสมุดบันทึก เช่น ขอบคุณที่มีครอบครัวที่ดี ขอบคุณที่มีสุขภาพที่ดี ขอบคุณที่มีอาชีพที่ทำให้มีความสุข เป็นต้น เพราะการเขียนเรื่องดี ๆ ทำให้สมองคิดเชิงบวก พร้อมกับหลั่งสารเคมีที่ดีออกมา ช่วยให้หลับฝันดี ตื่นมาทำสมาธิได้ง่าย มีความคิดสร้างสรรค์

9. ฝึกหายใจลึก ๆ
                       สมองใช้ออกชิเจน 20 25 % ของออก ชิเจนที่เข้าสู่ร่างกาย การฝึกหายใจเข้าลึก ๆ จึงเป็นการส่งพลังงานที่ดีไปยังสมอง ควรนั่งหลังตรงเพื่อให้ออกชิเจนเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น ถ้านั่งทำงานนาน ๆ อาจหาเวลายืนหรือเดินยึดเส้นยืดสายเพื่อให้ปอดขยายใหญ่ สามารถหายใจเอาออกชิเจนเข้าปอดได้เพิ่มขึ้นอีก 20 %

                     การ มีสมองที่ดีก็เหมือนทักษะทุกอย่างในโลกที่เรียนรู้ได้ แต่จะเก่งหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการฝึกฝน ถ้าเราดูแลและฝึกฝนสมองให้ดี คุณภาพชีวิตก็จะดีตาม

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จากคุณหนูดี

AXIS Q1910 และ Q1910-E กล้องวิดีโอวงจรปิดบนเครือข่ายระบบตรวจจับความร้อนสำหรับการตรวจการณ์มืออาชีพ


AXIS Q1910 และ Q1910-E กล้องวิดีโอวงจรปิดบนเครือข่ายระบบตรวจจับความร้อนสำหรับการตรวจการณ์มืออาชีพ

                         Axis Communications ตอกย้ำการเป็นผู้นำเทคโนโลยีโซลูชั่นวีดีโอบนเครือข่ายด้วย AXIS Q1910 และ Q1910-E กล้องวิดีโอวงจรปิดเทคโนโลยีใหม่ที่ใช้ระบบการตรวจจับความร้อนผ่านภาพ ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานสามารถตรวจพบผู้คนและเหตุการณ์ได้อย่างน่าเชื่อถือ แม้ในความมืดและสถานการณ์ที่ยากลำบาก

                         กล้องตรวจจับความร้อนสร้างภาพบนพื้นฐานของความร้อนที่แผ่กระจายมาจากวัตถุต่างๆ ยานพาหนะหรือบุคคล ซึ่งทำให้กล้องตรวจจับความร้อนส่งพลังงานที่สามารถมองผ่านความมืดได้อย่างดีเยี่ยมและส่งผ่านรูปภาพที่จะทำให้ผู้ปฏิบัติการสามารถสกัดกั้นและดำเนินการต่อกิจกรรมที่ต้องสงสัยได้
                        AXIS Q1910 ได้รับการออกแบบมาสำหรับการตรวจการณ์ภายใน ในขณะที่ AXIS Q1910-E ใช้สำหรับตรวจการณ์ภายนอก โดยให้บริการโซลูชั่นตรวจการณ์ภายในพื้นที่คุ้มครอง บริเวณขอบนอก และการรักษาความปลอดภัยอาคาร และสามารถใช้ได้กับการตรวจการณ์ถนนสาธารณะและทางรถไฟ ซึ่งรวมไปถึงชานชาลา สะพานและอุโมงค์อีกด้วย
                      กล้องทั้งสองยังสนับสนุนคุณสมบัติหลักๆ ของกล้องตรวจการณ์ระบบ IP เช่น H.264 และ Motion JPEG ระบบเสียง หน่วยจัดเก็บข้อมูลในตัวเครื่องและการจ่ายไฟผ่านสายเคเบิลโดยตรงจากเครือข่าย (Power over Ethernet) และยังสนับสนุนมาตรฐาน ONVIF เพื่อให้รองรับการใช้งานร่วมกันกับกล้องวิดีโอวงจรปิดอื่นๆ ได้


ที่มาของข่าว คุณสุมาลี

วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ถนอมและบำรุ่งผิวด้วยผลไม้

ถนอมและบำรุ่งผิวด้วยผลไม้


                 สับปะรด ช่วยทำความสะอาดผิวให้สดใส นุ่มเนียน

(วิธีใช้) ใช้เนื้อหรือน้ำสับปะรด(เลือกที่มีรสเปรี้ยวจะช่วยผลัดเซลล์ได้ดี) (ส่วนผสม)
1. เนื้อสับปะรด 1 ถ้วย
2. สำลี

(วิธีทำ)
1. นำเนื้อสับปะรดปั่นให้ละเอียดคั้นแยกน้ำ และกาก นำไปแช่ตู้เย็นให้เย็นจัด
2. ล้างหน้าให้สะอาด ชับผิวให้แห้ง แล้วนำสำลีชุบน้ำสับปะรดแปะให้ทั่วใบหน้า ยกเว้นรอบดวงตา (อาจใช้แตงกวาเย็นๆปิดตาไว้ทั้ง 2 ข้าง)
3. นำเนื้อสับปะรดที่เย็นจัดพอกทับอีกชั้นหนึ่ง ยกเว้นรอบดวงตา

( เคล็ดลับ )
- เวลาทำหากไม่ต้องการให้เลอะให้ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นจัดบิดพอหมาดม้วนเป็นท่อนยาวๆ พันรอบวงหน้า เพื่อกันน้ำสับปะรดไหลเปรอะเปื้อน
- ควรพอกน้ำสับปะรดอาทิตย์ละ 1 ครั้งเพื่อให้ผิวนุ่ม เรียบเนียน

ที่มาของบทความ คลังข้อมูลสมุนไพรออนไลน์ โดยนางสาวจันทร์ศรี  พรหมวงศ์
ขอบคุณภาพจาก ที่นี่ดอทคอม http://www.teenee.com/

5 สมุนไพรช่วยพ้นภัยจากโรคกระเพาะอาหาร

5 สมุนไพร ช่วยรอดพ้นจากโรคกระเพาะอาหาร

                     1.ไพลสด 3 ส่วน เกลือ 1 ส่วน ตำผสมกันเป็นเม็ดปั้นเท่าเม็ดในพุทรา กินวันละ 3 ครั้ง ครั้งละ 1 เม็ดก่อนอาหาร

                     2.เอาข้าวตังมาคั่วให้แห้ง ตากแดด 3 วันแล้วตำให้ละเอียดครั้งละ 1-2 ช้อนแกง ละลายในน้ำข้าวเช็ด 1 ถ้วยแกง เติมเกลือและน้ำตาลเพื่อให้กินง่าย กินวันละสี่ครั้งก่อนอาหารและก่อนนอน

                    3.เอากล้วยหักมุกดิบหรือกล้วยน้ำว้าดิบหั่นแตกแดด บดเป็นผง ละลายน้ำข้าวเช็ดหรือน้ำหวานกิน วันละสี่ครั้งก่อนอาหารและก่อนนอน

                    4.กินกล้วยน้ำว้าสุก วันละ 3 ครั้ง ครั้งละ 2 ลูก ก่อนกินอาหารครึ่งชั่วโมง
                   
                    5.ตื่นนอนตอนเช้า ให้กินน้ำให้มากที่สุด ก่อนไปทำอะไรอื่น กินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถกินน้ำได้ถึง 5 แก้ว ทุกขนานที่ว่ามานี้ ถ้ากินถูกยาถูกขนาน จะรู้สึกดีขึ้นภายในหนึ่งสัปดาห์ ให้กินต่อไปจนหายขาด หากไม่ดีขึ้น ก็ให้เปลี่ยนยาใหม่นะคะ


ที่มาของข้อมูล คลังข้อมูลสมุนไพร
โดยนางสาวจันทร์ศรี  พรหมวงศ์

ขอบขอบคุณภาพจากบล็อกแก้งค์

วิธีรักษาสิวอักเสบ หรือสิวที่มัสีแดง

++วิธีรักษาสิวอักเสบ++


วิธีรักษาสิวอักเสบ หรือสิวที่มัสีแดง

                   อย่างที่บอก สิวเป็นเรื่องธรรมชาติ(ลงโทษ) แต่เมื่อเป็นสิวแล้ว ก็จะทำให้เรามีความมั่นใจน้อยลง โดยส่วนตัวของดิฉัน ค่อนข้างจะเป็นคนที่ไม่ค่อยรักษาความสะอาด จนใบหน้าเริ่มเป็นสิว เมื่อเป็นไปประมาณสักพักใหญ่ ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหาย แต่กลับเป็นมากขึ้น จึงลองไปปรึกษาคุณหมอ แต่เนื่องด้วยดิฉันอายุยังน้อย และยาที่คุณหมอให้มานั้นแรงมาก และมีราคาแพง ดิฉันจึงเลิกใช้ และหันมาลองใช้เครื่องสำอางยี่ห้อดังๆที่รัษาสิว แต่ก็ไม่หายสักที จึงหันมาพึ่งสมุนไพรแทน และถ้าเพื่อนๆคนไหนเป็นสิวลองเอาไปใช้ดูนะคะ แต่ของอย่างนี้มันต้องใช้เวลาค่ะ

1. ลองหาซื้อสบู่ล้างหน้า แต่ต้องเป็นสบู่สมุนไพรที่สกัดจากเปลือกมังคุดเท่านั้นนะคะ

2. ห้ามนอกดึกเด็ดขาด ควรเข้านอนก่อน 4 ทุ่มดีที่สุดค่ะ และตื่นหลัง 6 โมงเช้านะคะ

3. ห้ามใช้เครื่งสำอางที่แรงเกินไป หันมาใช้ครีมทาหน้าอ่อนๆ เช่น สมูทอีก็ได้ค่ะ

4. ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ไม่ชอบอาบน้ำ ก็ขอให้ล้างหน้าทุกเช้าและก่อนเข้านอนก็พอค่ะ

5. เวลาที่คุณเข้านอนไม่ควรทาครีมใดๆ ควรล้างหน้า เช็ดให้แห้ง และเข้านอนทันทีค่ะ

6. เวลาที่ล้างหน้าไม่ควรถูแรงๆ เพราะอาจทำให้สิวเกิดการอักเสบและเป็นหนองเพิ่มขึ้นค่ะ

7. อย่าปล่อยให้หน้ามัน ควรใช้กระดาษซับหน้า แบบเบามือ

8. อย่าใช้ผ้าเช็ดหน้ากดทับบริเวณที่สิวอักเสบ

9. อย่าใช้มือแกะ เกาบริเวณที่เป็นสิว

10. อย่าเครียด หมันออกกำลังกายเป็นประจำ

             ทั้งหมดนี้เป็นวิธีที่ฉันใช้เป็นประจำ ได้ผลจริงๆค่ะ เพื่อนๆก็ลองนำไปใช้ดูนะคะ แต่อย่าลืมว่าผิวหน้าแต่ละคนไม่เหมือนกันค่ะ ทางที่ดีควรใช้ผลิตภัณท์ดูแลผิวติดต่อกัน ไม่ควนเปลี่ยยี้ห้อไปเรื่อยๆนะคะ

ข้อมูลโดย  นางสาวจันทร์ศรี  พรหมวงศ์ คลังสมุนไพรออนไลน์

สูตรหน้าใสไร้สิวเสี้ยนด้วยสมุนไพร

สูตรหน้าใสไร้สิวเสี้ยน ด้วยสมุนไพร
         โดย นางสาวจันทร์ศรี  พรหมวงศ์ คลังสมุนไพรออนไลน์  http://www.herbs.siamright.com/


                     น้ำมะนาว2-3หยดบีบ น้ำผึ้ง1ช้อนชา เกลือปรุงทิพย์1/8ช้อนชา ใช้นวดหน้าเบาๆตอนเช้าก่อนล้างหน้า รอบดวงตาไม่ต้องนะค่ะ สิวเสี้ยนและสิวอักเสบจะทุเลาลง อาทิตย์ละ1-2ครั้งก็พอ ถ้าอยากหน้าใสก็พอกทิ้งไว้สัก15นาทีอาทิตย์ละ3ครั้ง ถ้ามีไพล ก็ใส่ซัก1/4จะรู้สึกสดชื่นขึ้นด้วย ถ้าเวิร์คก็เพิ่มสูตรใช้ขัดตัวได้เลยค่ะ



ที่มาของข้อมูล คลังสมุนไพรออนไลน์ โดย นางสาวจันทร์ศรี  พรหมวงศ์

การปรับสภาพผิวหน้าให้สดใสด้วย AHA

การปรับสภาพผิวหน้าให้สดใสด้วย AHA


บทความโดย พบพระ สุพันธุ์วณิช

ความเสื่อมสภาพของผิวหน้า(Aging)

          ผิวหนังประกอบด้วยชั้นหนังกำพร้า และหนังแท้ ชั้นบนสุดของหนังกำพร้าเป็นขี้ไคล (Stratum Corneum) โดยปกติเซลล์ในชั้นหนังกำพร้า จะมีการผลัดเปลี่ยนกลายเป็น Stratum Corneum และหลุดลอกออกไปตามธรรมชาติ ผิวหนังในเด็กขบวนการนี้จะเกิดขึ้นเร็ว ทำให้เด็กมีผิวหน้าที่ผุดผ่อง, เรียบเกลี้ยง, แลดูสดใส เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น กระบวนการดังกล่าว จะเกิดขึ้นอย่างช้าๆ ทำให้เซลล์ผิวผลัดช้าลง, Stratum Corneum หนาขึ้น เมื่อมีปัจจัยภายนอกต่างๆมาเสริม เช่น โดนแสงแดดบ่อย, มลพิษ, สารเคมี, สูบบุหรี่ จะทำให้ผิวเสื่อมสภาพ และชราภาพ ทำให้เกิดผิวหยาบกร้าน, มีรอยด่างดำ, ตกกระ, ฝ้า รอยเหี่ยวย่น ผิวหน้าแลดูหมองคล้ำ ไม่สดใส การปรับสภาพผิวหน้าด้วย AHA จะช่วยให้กระบวนการผลัดผิวเร็วขึ้น ฟื้นฟูสภาพผิวหน้าที่เสียไปให้กลับมาดีขึ้น

AHA คืออะไร

               AHA ย่อมาจาก Alphahydroxy Acids ซึ่งเป็นสารที่สกัดจากผลไม้หลายอย่าง หรือรวมเรียกว่ากรดผลไม้ (Fruit Acids) ประกอบด้วย Glycolic Acid สกัดจากอ้อย, Lactic Acid สกัดจากนม, Malic acid สกัดจากแอ๊ปเปิ้ล, Tartaric Acid สกัดจากองุ่น, Citric Acid สกัดจากผลไม้รสเปรี้ยว สารเหล่านี้มีคุณสมบัติช่วยเร่งให้เซลล์ผิวผลัดเร็วขึ้น ทำให้ผิวกลับมามีสภาพดีขึ้น เมื่อใช้เป็นประจำจะทำให้มีใบหน้าสดใสเรียบขึ้น

AHA ช่วยปรับสภาพผิวหน้าอย่างไร

            ใบหน้าที่เสื่อมสภาพ, ชราภาพ จะมีการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวได้ช้า ทำให้มีการทับถมของเซลล์ผิวหนังที่เสื่อมสภาพ และบดบังเซลล์รุ่นใหม่ไว้ข้างใต้ ทำให้หน้าดูหมองคล้ำ, หยาบกร้าน, ตกกระ, มีรอยด่างดำ, รอยฝ้า สาร AHA จะมีฤทธิ์ในการกระตุ้น ให้มีการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวได้เร็วขึ้น ลอกเซลล์ผิวหนังเก่า ที่เสื่อมสภาพหยาบกร้านออกไป และกระตุ้นให้มีการสร้างเซลล์ใหม่ ที่สดใสขึ้นมาแทนที่ ทำให้ใบหน้าเรียบเนียนขึ้น, ลดรอยด่างดำ, ผิวขาวขึ้น และทำให้ใบหน้าสดใส นอกจากนี้ ยังกระตุ้นให้มีการสร้างเนื้อเยื่อ Collagen และ Glycosaminoglycan ในชั้นหนังแท้เพิ่มมากขึ้น ทำให้ผิวพรรณเต่งตึงขึ้น ลดริ้วรอยเหี่ยวย่น และทำให้ผิวไม่หย่อนยาน การปรับสภาพผิวหนัาด้วย AHA นอกจากจะทำให้ใบหน้าสดใส นุ่มนวลเกลี้ยงเกลา แลดูอ่อนเยาว์ ผิวพรรณเต่งตึงขึ้น ยังช่วยในการรักษารอยตกกระ, รอยด่างดำ, ฝ้า, รอยเหี่ยวย่นตื้นๆ, สิวเล็กๆ, สิวเสี้ยน ได้ด้วย

ขั้นตอนการปรับสภาพผิวหน้าด้วย AHA

               สาร AHA ที่ใช้ในการปรับสภาพผิวหน้าแบ่งเป็น ๒ ชนิด คือ ชนิดที่มีความเข้มข้นสูง และชนิดที่มีความเข้มข้นต่ำ แพทย์จะใช้สาร AHA ที่มีความเข้มข้นสูงทาที่ใบหน้า แล้วทิ้งไว้เป็นเวลา ๓-๕ นาที แล้วล้างออก หลังจากนั้นจะให้สาร AHA ที่มีความเข้มข้นต่ำ กลับไปทาที่บ้านทุกวัน หลังจากนั้นจะนัดผู้ป่วยมาทุก ๑-๒ สัปดาห์ มาปรับสภาพผิวหน้าอีก โดยระยะ ๔-๖ สัปดาห์แรก จะทำทุก ๑ สัปดาห์ หลังจากนั้นก็ห่างออกเป็น ๒-๓ สัปดาห์ โดยครั้งต่อมาจะเพิ่มเวลาในการทาสาร AHA เพิ่มขึ้น และอาจจะเพิ่มความเข้มข้นของ AHA ที่ให้กลับไปทาที่บ้าน

            เมื่อทาสาร AHA จะมีอาการแสบๆ คันๆ เล็กน้อย เมื่อทำเสร็จใบหน้าอาจจะแดงเรื่อๆ แล้วหายไป ซึ่งสามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ ในบางรายหลังจากปรับสภาพ ๑-๒ วัน อาจจะมีผิวหน้าเป็นขุยๆ ลอกๆ นิดหน่อย แต่จะไม่ลอกออกเป็นแผ่น เมื่อขุยลอกออกหมดผิวหน้าจะเรียบเกลี้ยงขึ้น

             ผู้ป่วยควรจะพยายามเลี่ยงแสงแดดจัด (โดนแสงแดดเล็กน้อยไม่เป็นไร) และทายากันแดดตอนเช้าทุกวัน ทาครีม AHA ก่อนนอนทุกวัน ถ้ามีขุยๆ ลอกๆ อาจใช้ครีมบำรุงผิวร่วมด้วยได้

ปัญหาที่มักถามบ่อยๆ

1. วิธีนี้ทำได้บ่อยแค่ไหน, นานแค่ไหน
                 ในระยะ ๔-๖ สัปดาห์แรก ทำทุกๆ ๑ สัปดาห์ หลังจากนั้นทำทุก ๒-๓ สัปดาห์ และทำได้เรื่อยๆ เมื่อผิวดีขึ้นมาก ทำประมาณเดือนละครั้ง

2. โดนแดดได้ไหม
                 โดนแสงแดดเล็กน้อยไม่เป็นไร แต่พยายามหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดจัด และควรใช้ยากันแดดทุกวันสม่ำเสมอ

3. ทำแล้วจะทำให้ใบหน้าบางลง และยิ่งเป็นฝ้า, กระ ได้ง่ายขึ้น
                  ไม่จริง เพราะวิธีนี้จะทำให้ขี้ไคล(Stratum Corneum) บางลง ผิวผลัดเซลล์เร็วขึ้น แต่ไม่ทำให้ผิวหนังกำพร้าบางลง

4. วิธีนี้ต่างจาก เบบี้เฟสทำโดยร้านเสริมสวยอย่างไร, ปลอดภัยไหม
                  สาร AHA ไม่ถูกดูดซึมเข้าร่างกาย จึงไม่เป็นอันตรายและปลอดภัยสูง ต่างจาก วิธีเบบี้เฟส ซึ่งใช้สาร phenol ซึ่งดูดซึมเข้าร่างกายได้ เป็นอันตรายต่อหัวใจและอาจตายได้

5. ใช้ AHA ที่บ้านร่วมกับครีมบำรุงผิวได้ไหม
                  สาร AHA มีคุณสมบัติเป็นครีมบำรุงผิวอยู่แล้ว แต่ถ้ามีผิวแห้งมากอาจทาครีมบำรุงผิวก่อนนอนร่วมด้วยก็ได้

6. ใช้สบู่อะไร
                ใช้สบู่อ่อน ไม่ใช้สบู่ยา หรือสบู่ที่มีผงขัด

7. ขัดหน้า, นวดหน้าได้ไหม
               ไม่ได้ เพราะอาจทำให้ระคายเคืองได้

8. ดีจริงไหม
              วิธีนี้มีการพิสูจน์ทางการแพทย์ว่าได้ผลดีจริง และนิยมทำกันมาทั่วโลก โดยเฉพาะในอเมริกา เพราะทำง่าย, รวดเร็ว และไม่ค่อยมีผลแทรกซ้อน


ข้อมูลได้จากฟอร์เวิร์ดเมล์

วันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ดับคาวในลูกชิ้นปลา "กลิ่นคาวจากลูกชิ้นปลา"

ดับคาวในลูกชิ้นปลา "กลิ่นคาวจากลูกชิ้นปลา"
        
      ใครที่ชอบรับประทานลูกชิ้นปลา ควรรีบหันมาฟังทางนี้โดยด่วน เพราะว่าคุณอาจจะเคยเจอกับปัญหาแบบนี้ นั่นคือ เวลาที่ซื้อลูกชิ้นปลามาแล้ว ลูกชิ้นปลากลับมีกลิ่นคาวแรงจนไม่น่ารับประทาน ทำให้ต้องทิ้งไปบ้าง แต่วันนี้เรามีวิธีในการกำจัดกลิ่นคาวอันรุนแรงในลูกชิ้นปลามาฝากกันค่ะ


          วิธีที่ว่านี้ก็คือ ผสมน้ำกับน้ำส้มสายชูในปริมาณที่พอเหมาะ แล้วนำลูกชิ้นปลาลงแช่ไว้อย่างน้อยครึ่งชั่วโมง แล้วนำขึ้นมาล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งหนึ่ง เพียงเท่านี้ กลิ่นคาวที่มากับลูกชิ้นปลาก็จะหมดไป นำไปประกอบอาหารก็ไม่มีกลิ่นมากวนใจ และไม่ทำให้อาหารเสียรสชาติอีกด้วย...

ขอขอบพระคุณข้อมูลจาก http://www.zomzaa.com/

วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

เมื่อความรัก ไม่ได้มีเพียงคนสองคน

เมื่อความรัก ไม่ได้มีเพียงคนสองคน

               การที่จะต้องเลือกระหว่างคนที่เรารัก กับ คนที่เค้ารักเรา หรือว่าเป็นคน ไม่ถูกเลือก ไม่ว่าอย่างไหน มันก็เจ็บปวด ด้วยกันทั้งนั้น มันเจ็บต่างกัน ตามความเข้มแข็ง ของใจ คน ๆ นั้น

              เราเป็นคนหนึ่งที่ผ่านมาแล้ว ทั้งสองความรู้สึก มันเจ็บนานจริง ๆ กับการที่ไม่ถูกเลือก แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราได้เรียนรู้คือ มนุษย์ เรา หากจะรักและคิดจะใช้ชีวิตร่วมกับใคร ก็คงจะต้องการเพียงแต่เพื่อนคู่ชีวิต สักคนคนที่อยู่กับเราเสมอ ไม่ว่ายามทุกข์ยาก ลำบาก หรือผ่านความเป็น ความตายมาด้วยกัน

              คนที่มองเห็นข้อเสียและข้อผิดพลาดของคุณแต่ก็ยังรักและยังอภัยให้คุณได้เสมอคนที่พร้อมจะอยู่กับคุณแม้คุณจะกลายเป็น ยายแก่ หนังเหี่ยว หัวล้าน พุงยาน หนังเหี่ยวเค้าก็พร้อมที่จะแก่เฒ่าไปพร้อมกับ่คุณ แต่คนที่ว่ามานี้ คุณมักลืมเขาในยามที่คุณยังมีความสุขอยู่

             ในยามที่ชีวิตคุณยังเป็น ผู้เลือก ที่ถูกห้อมล้อมด้วยผู้ถูกเลือกได้อยู่ ในยามที่คุณยังมีหน้าตา มีเครื่องประกอบชีวิตที่เป็นที่สนใจจากคนเหล่านั้นอยู่คุณอาจจะต้องนึกถึงเค้าอีกทีในยามที่คุณไม่มีใครแล้ว

             ในยามที่คนที่คุณคิดว่า "ใช่ "เค้าก็ไปกับคนใหม่ที่เค้าคิดว่า ใช่ มากกว่าคุณเหมือนกัน อย่าปล่อย ให้คนที่เค้ารักเรารอนาน เพราะว่าหากวันที่เราไม่เหลือใคร วันที่เรารู้ใจตัวเอง วันนั้นอาจจะเป็นวันที่เค้าก็เข้มแข็ง อยู่ได้โดยที่ไม่มีเรา หรือไปกับคนที่พอดีกับเค้าแล้วก็ได้ บางทีคนเราไม่ได้หาคนที่ดีพอ เพียงแต่หาคนที่พอดีกันมากกว่านะ

ความสมบูรณ์ของตัวคน: ก่อนออกจากบ้าน อย่าลืมสิ่งเหล่านี้

ความสมบูรณ์ของตัวคน: ก่อนออกจากบ้าน อย่าลืมสิ่งเหล่านี้

ก่อนออกจากบ้าน อย่าลืมสิ่งเหล่านี้

สิ่งดี ๆ ที่ควรทำทุกวัน ทุกเช้าก่อนออกจากบ้าน อย่าลืมคิดถึงสิ่งที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวันเหล่านี้

1. เครื่องประดับที่สวยที่สุดบนเรือนร่าง คือ รอยยิ้ม
2. งานที่ทำแล้วพอใจที่สุดคือ งานช่วยเหลือผู้อื่น
3. ความสุขที่สุด คือ ..การให้..
4. อาวุธร้ายแรงที่ต้องระมัดระวังและเก็บรักษาให้ดีที่สุด คือ คำพูดที่ทำร้ายผู้อื่น
5. พลังยิ่งใหญ่ที่สุดที่ทำให้ทุกอย่างสำเร็จ คือ ความรัก
6. ความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือ การทำร้ายตัวเอง
7. ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดที่จะต้องเอาชนะให้ได้คือ ความกลัว
8. ยานอนหลับที่ให้ผลดีที่สุดคือ ความสงบภายในใจ

ที่มาของข้อมูล teenee.com
http://www.joelookyoung.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538939332&Ntype=2

ทำชีวิตให้สดใสจรดหลังเลิกงาน

ทำชีวิตให้สดใสจรดหลังเลิกงาน
             แต่กว่าจะฝ่าฟันกับภาระงานในหนึ่งวันได้ คุณก็แทบจะหมดแรงทำอะไรแล้ว เห็นทีต้องเอาสูตรเคล็ดไม่ลับ 5 ข้อเด็ดต่อไปนี้นำไปลองปฏิบัติดูค่ะ


               1. เมื่อยล้าจากการพูดคุยโทรศัพท์นานๆ ให้ลองเปลี่ยนอิริยาบถดูบ้าง เช่น ยืนคุย สลับมือที่จับโทรศัพท์จากขวามาซ้าย และซ้ายไปขวา ขณะเดียวกันก็ให้เหวี่ยงแขนไปมา เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบริเวณไหล่ และส่วนหลัง พูดให้สั้นกระชับและสรุปตรงประเด็นโดยเร็ว เพื่อเป็นการประหยัดพลังงานเสียงของคุณ ดื่มน้ำมากๆ หลังคุยโทรศัพท์เสร็จ ที่สำคัญให้หลีกเลี่ยงการใช้หัวไหล่หนีบโทรศัพท์แล้วคุยเป็นเวลานานๆ
              2. ทำงานจนสมองล้า นั่นเพราะสมองของคุณถูกกระตุ้นด้วยเรื่องเดิมๆ การทำงานที่ซ้ำซาก ทิวทัศน์ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง รูปแบบความคิดเดิมๆ อาจทำให้สมองเฉื่อยชาได้ คุณควรเปิดรับประสบการณ์ใหม่ด้วยการหาเวลาออกไปเดินเล่นตอนกลางวัน เปลี่ยนร้านอาหาร เปลี่ยนเส้นทางกลับบ้าน พูดคุยกับเพื่อนร่วมงานที่รู้จักแค่ผิวเผิน ทำอะไรก็ได้ที่สมองจะได้รับการอัดฉีดข้อมูลใหม่ๆ เสียบ้าง เพื่อท้าทายจิตของคุณด้วยข้อมูลใหม่ๆ ที่จะเปลี่ยนไปยังสมองส่วนที่ไม่ได้ถูกใช้งาน
             3. ปวดตาจากคอมพิวเตอร์ การนั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งวัน อาจทำให้สายตาของคุณเมื่อยล้า และอาจทำให้ตาของคุณพร่าได้ เนื่องจากขณะที่ใช้คอมพิวเตอร์ เรามักจะจับจ้องที่หน้าจอจนลืมแม้กระทั่งการกระพริบตา วิธีแก้ คุณควรอยู่ห่างจากตัวคอมพิวเตอร์ประมาณหนึ่งช่วงแขนเอื้อม และวางให้ต่ำกว่าระดับสายตาของคุณประมาณ 20 องศา รวมทั้งต้องคอยทำความสะอาดหน้าจออยู่เสมอ เพราะฝุ่นจะทำให้เกิดการสะท้อนมากขึ้น และควรจะหยุดพักสายตาทุก 30 นาที
                 4. นั่งทำงานนานจนท้องอืด การนั่งทำงานตลอดทั้งวัน อาจทำให้ระบบการย่อยอาหารของคุณขัดข้องได้ จนเกิดอาการท้องผูก ส่งผลให้ท้องของคุณบวมอึดได้ ถ้าเกิดอาการเช่นนี้ คุณควรลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานทุกๆ ครึ่งชั่วโมง เดินรอบๆ ออฟฟิศสักครู่ หรือหากิจกรรมอื่นใดที่ช่วยให้ระบบร่างกายของคุณได้เคลื่อนไหว และหลีกเลี่ยงการใส่เสื้อผ้าที่รัดบริเวณเอว ซึ่งจะไปบีบรัดลำไส้ ทำให้เกิดก๊าซขึ้นได้ นอกจากนี้ควรรับประทานอาหารมื้อเที่ยงแค่พออิ่ม และเลี่ยงอาหรที่ก่อให้เกิดก๊าซในกระเพาะ เช่น ถั่ว กะหล่ำปลี หัวหอม
                 5. ผิวแห้งเพราะอากาศอับชื้น การทำงานภายในห้องแอร์เป็นเวลานานๆ อาจทำให้ผิวของคุณแห้งผากได้ วิธีแก้คุณควรรับประทานอาหารที่ช่วยบำรุงผิวพรรณ เช่น ผักใบเขียว แครอต และผลไม้สีเหลือง จะช่วยป้องกันไม่ให้ผิวหน้าแห้งและหยาบกระด้างได้ และที่สำคัญควรดื่มน้ำมากๆ ค่ะ อยากรู้ว่าคุณดื่มน้ำมากพอสำหรับในหนึ่งวันหรือไม่ ให้สังเกตดูจากน้ำปัสสาวะ ถ้าหากยังมีสีเหลืองอ๋อย นั่นแสดงว่าร่างกายของคุณยังขาดน้ำอยู่ ควรดื่มน้ำเพิ่มจนกระทั่งปัสสาวะของคุณเป็นน้ำใสๆ

ขอขอบคุณข้อมูล จากคุณใบหม่อน teenee.com

วันเสาร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

คำคมดีๆ จาก นมอุโด้ส โน้สอุดม

วันนี้ 'นมอุโด้ส' จะมาบอกถึง สิ่งที่เรียนรู้เมื่ออายุปูนนี้ รับรอง สุหนัด

 

1. มนุษย์ต้องการสิ่งที่ตนเองไม่มี
 2. เวลาที่เราวิ่งมารับโทรศัพท์จากที่ไกลๆ เมื่อถึงโทรศัพท์ เสียงมันมักจะหยุด เราจะช้าไป 1 จังหวะเสมอ
3. ถ้าแอบรักใคร อย่าฝากใครไปบอก บอกด้วยตัวเองจะดีกว่า
4. เวลาสั่งอาหารไว้นานแล้วยังไม่ได้สักที ให้พูดว่าไม่เอา จะได้เร็ว

5. ถ้าเรียกเก็บเงินแล้วไม่มีใครมาเก็บเสียที ให้ลุกขึ้นทำท่าจะกลับทั้งโต๊ะ จะมีพนักงานพุ่งมาทันที

6. ปลูกต้นลั่นทมไว้หน้าบ้าน ไม่เกี่ยวอะไรกับความทุกข์ระทมของตัวเราเลย
7. ระวังคนขายโรตี ที่เพิ่งเดินออกมาจากป่าละเมาะ, พุ่มไม้, ซอกตึก อย่าตัดสินใจซื้อจนกว่าเขาจะล้างมือ
8. ไม่มีสัจจะในร้านตัดเสื้อ
9. ระวังคนที่แสดงออกว่าเป็นคนดีมากๆ
10. อย่าซื้อทุเรียนมาปอกเอง
11. หนังสือดี คือหนังสือที่เราชอบอ่าน, หนังดีคือ หนังที่เราชอบดู
12. อยากให้คนอื่นรู้เรื่องที่เรานินทามากๆ อย่าลืมย้ำบ่อยๆ ว่าอย่าบอกใครนะ
13. อย่าทิ้งกระดาษชำระไว้ในชามก๋วยเตี๋ยว คนล้างจะเสียความรู้สึก

14. เรียกยามว่าซีเคียวรีตี้ การ์ด ยามจะตั้งใจโบกรถ
15. อย่าซื้ออะไรที่ต้องเอามาซ่อมต่อ

16. รถในเมืองไทยพวงมาลัยอยู่ทางขวา แต่ฝาน้ำมันไม่อยู่ขวาเสมอไป

17. ไปเที่ยวต่างจังหวัดกับเพื่อนไม่ต้องเอายาสีฟันไปก็ได้ ยังไงเพื่อนต้องมี
18. ตลาด อ.ต.ก. มาจากคำว่า เอเวอรี่ติง เกินราคา
19. เวลาดูหนังโรง ควรจำว่ากระปุกน้ำอยู่ด้านไหน

เป็นอย่างไรบ้าง อ่านจบแล้วรู้สึกว่าอยากพูด 'อ๋อ ใช่ซี่......'
20. ตัดผมวันพุธได้ ไม่บาป
21. คนไม่กินเนื้อ ไม่ได้แปลว่าเป็นคนดีเสมอไป
22. เวลาบ้วนน้ำยาลิสเตอรีนออกจากปาก ให้หลับตาด้วย

23. ปูอัด มันทำจากปลา

24. กินก๋วยเตี๋ยวจากตะเกียบไม้อร่อยกว่า

25. อย่าไปจ่ายตลาดเวลาหิว เราจะซื้อมาเยอะเกินจำเป็นเสมอ

26. ในโลกนี้จะชอบมีคนมาทักอยู่ 2 ประเภทเท่านั้น ประเภทแรก อ้วนขึ้นนะ กับประเภทที่ 2 ผอมลงนะ ไม่มีใครเข้ามาทักว่าปกติดีนี่ไปทำอะไรมา

27. คนที่เอาหมวกตำรวจ หรือชุดตำรวจแขวนไว้หลังรถมิใช่เพราะบ้านเค้าไม่มีตู้ เค้าไม่ได้ลืม เค้าแค่กลัวคนไม่รู้ว่าเขาทำอาชีพอะไร
28. คนที่มีรถทะเบียนเลขเดียวเรียงติดกัน?ลายๆ ตัว เป็นคนธรรมดาเหมือนกับเรา
29. คนที่มีความรู้มากๆ เขามักจะใช้ความรู้ขังจินตนาการ

30. ฟู่ฟ่าเดี๋ยวก็วาย เรียบง่ายอยู่ได้นาน
31. จงอย่าอิจฉาคนอื่น แต่จงใช้ชีวิตให้คนอื่นอิจฉา

32. เวลาที่เปิดหนังสือให้เพื่อนดู หน้าที่ตัวเองพูดถึงมักจะหาไม่เจอ


33. ขนมและน้ำในโรงหนัง จะแพงกว่าข้างนอก


34. ห้องน้ำผู้หญิง ผู้ชายเข้าไปดูเป็นพวกโรคจิต, ห้องน้ำผู้ชาย ผู้หญิงเข้ามาดูเป็นแม่บ้าน

35. เวลารถติด เลนอื่นมักไปได้เร็วกว่าเลนเราเสมอ

36. ถ้าเราขับรถไม่ทันไฟเขียวเป็นคันสุดท้าย ให้คิดว่าเดี๋ยวเราจะได้ไปเป็นคันแรก

37. ถ้ามีการแนะนำตัวว่า 'นี่เพื่อนฉัน' หมายความว่า 'แฟนฉัน'

38. ถ้ามีการแนะนำตัวว่า 'นี่แฟนฉัน' หมายความว่า 'ผัว/เมียฉัน