วันพุธที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เอเซอร์ รุกหนัก เปิดศูนย์ R&D ระดับโลกในจีน

เอเซอร์ รุกหนัก เปิดศูนย์ R&D ระดับโลกในจีน
มุ่งพัฒนาแอพพลิเคชั่นและบริการบนสมาร์ทโฟน

กรุงเทพฯ – 25 กรกฏาคม 2554 เอเซอร์ คอร์ป เปิดตัวศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D) ระดับโลกแห่งใหม่ ในนาม บริษัท เอเซอร์ อินเทลเลคชวล (ฉงชิ่ง) จำกัด เพื่อส่งเสริมและพัฒนาเทคโนโลยีให้กับเอเซอร์สมาร์ท โฟนและแท็ปเลต โดยศูนย์วิจัยแห่งนี้จะได้รับการพัฒนาร่วมกันกับหน่วยงานภาครัฐของเมืองฉงชิ่งและบริษัท ไชนา โมบายล์ จำกัด เพื่อวิจัยและพัฒนาอุปกรณ์สมาร์ทโฟน รวมทั้งซอฟต์แวร์และบริการที่เกี่ยวข้อง   

บริษัท เอเซอร์ อินเทลเลคชวล (ฉงชิ่ง) จำกัด เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2554 ที่ผ่านมา ณ เมืองฉงชิ่ง ประเทศจีน พร้อมพิธีลงนามเซ็นสัญญาร่วมกันระหว่างเอเซอร์ กับ ฉงชิ่ง อิโคโนมิค และไอที คอมมิสชั่น (CQEIC) และฉงชิ่ง โมบายล์ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในเครือบริษัท ไชนา โมบายล์ เพื่อร่วมมือในการวิจัยและพัฒนาอุปกรณ์สมาร์ทโฟนและแท็ปเลตพีซี รวมถึงแอพพลิเคชั่น ซอฟต์แวร์ และบริการต่างๆ ให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพสูงสุด  

สำหรับ ช่วงเริ่มต้นของการเปิดศูนย์วิจัยดังกล่าว เอเซอร์ใช้งบประมาณลงทุน 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีนายจิม หว่อง ประธานบริษัทเอเซอร์ เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ ซึ่งในเบื้องต้นจะมุ่งเน้นในการศึกษาพฤติกรรมผู้ใช้มือถือและสมาร์ทโฟนใน ตลาดประเทศจีน ซึ่งศูนย์วิจัยและพัฒนาของเอเซอร์ได้รับการผลักดันและร่วมมือกับฉงชิ่ง โมบายล์ และบริษัทไอที ในท้องถิ่นที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาซอฟต์แวร์และแอพพลิเคชั่นบนระบบ ปฏิบัติการแอนดรอย์ดที่สามารถทำงานบนสมาร์ทโฟนได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงแอพพลิเคชั่นที่รองรับการใช้งานของข้าราชการของฉงชิ่ง ซึ่งในอนาคตอันใกล้นี้จะมีการร่วมมือกับรัฐบาลฉงชิ่ง โดยใช้ศูนย์วิจัยฯ ในการพัฒนาสมาร์ทโฟนเพื่อให้บริการอื่นๆ เพิ่มมากขึ้น  

ทั้งนี้ ในเดือนธันวาคม 2553 เอเซอร์ได้ประกาศแนวนโยบายเชิงกลยุทธ์โดยตั้งเป้าผลิตโน้ตบุ๊กในระดับโลกที่ประเทศจีนและที่เมืองฉงชิ่ง โดยได้ดำเนินการสร้างฐานการผลิตในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา นอกจากนี้ศูนย์วิจัยและพัฒนาในเมืองฉงชิ่งยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเอเซอร์ที่จะให้ความสำคัญในการรุกตลาดประเทศจีน

อีเอ็มซีรายงานผลประกอบการไตรมาสสอง

อีเอ็มซีรายงานผลประกอบการไตรมาสสอง
ทำลายสถิติรายได้และกำไร

รายละเอียดสำคัญสำหรับไตรมาสสอง
·         รายได้รวมไตรมาสสองทำลายสถิติเพิ่มขึ้น 20% จากปีที่แล้ว
·         กำไรสุทธิแบบ GAAP ไตรมาสสองทำลายสถิติเพิ่มขึ้น 28% จากปีที่แล้ว
·         กำไรสุทธิแบบ non-GAAP ไตรมาสสองทำลายสถิติเพิ่มขึ้น 33% จากปีที่แล้ว
·         กำไรเบื้องต้นและกำไรจากการดำเนินงานแบบ non-GAAP เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
·         ทำลายสถิติรายได้รายไตรมาสสำหรับธุรกิจของอีเอ็มซีนอกสหรัฐฯ
กรุงเทพฯ, ประเทศไทย –25 กรกฎาคม 2554อีเอ็มซี คอร์ปอเรชั่น (NYSE:EMC) รายงานผลประกอบการดีที่สุดเป็นประวัติการณ์สำหรับไตรมาสที่สองของปี 2554 โดยลูกค้าทั่วโลกมีความต้องการอย่างแข็งแกร่งสำหรับผลิตภัณฑ์และบริการของอีเอ็มซี ทั้งในส่วนของโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศและโครงสร้างพื้นฐานแบบเวอร์ช่วล อีกทั้งอีเอ็มซียังขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างสมดุลและดำเนินงานได้อย่างโดดเด่น ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลให้รายได้รวมและกำไรสุทธิประจำไตรมาสสองของอีเอ็มซีเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์  นอกจากนี้ กำไรเบื้องต้นและกำไรจากการดำเนินงานแบบ non-GAAP ยังเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งอีกด้วย รวมไปถึงรายได้รวมรายไตรมาสสำหรับการดำเนินธุรกิจของอีเอ็มซีนอกประเทศสหรัฐฯ
รายได้รวมสำหรับไตรมาสที่สองอยู่ที่ 4,850 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่สองของปีที่แล้ว  ส่วนกำไรสุทธิตามหลัก GAAP สำหรับไตรมาสที่สองอยู่ที่ 546 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 28% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว  กำไรต่อหุ้นปรับลดตามหลัก GAAP สำหรับช่วงไตรมาสที่สองเพิ่มขึ้น 20% ไปอยู่ที่ 0.24 ดอลลาร์  กำไรสุทธิแบบ Non-GAAP1 ของอีเอ็มซีในช่วงไตรมาสที่สองอยู่ที่ 793 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 33% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่กำไรต่อหุ้นปรับลดแบบ non-GAAP1 อยู่ที่ 0.35 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
กระแสเงินสดจากการดำเนินงานของอีเอ็มซีจากต้นปีจนถึงปัจจุบันอยู่ที่ 2,200 ล้านดอลลาร์ ขณะที่กระแสเงินสดอิสระ2 อยู่ที่ 1,600 ล้านดอลลาร์ และเมื่อสิ้นสุดไตรมาสที่สอง บริษัทฯ มีเงินสดและเงินลงทุน 9,500 ล้านดอลลาร์
โจ ทุซซี่ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของอีเอ็มซี กล่าวว่า ผลประกอบการของเราในช่วงไตรมาสที่สองทำลายสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเป็นผลมาจากการเติบโตอย่างสมดุล การดำเนินงานอย่างแข็งแกร่ง และการสร้างสรรค์นวัตกรรมเทคโนโลยี ขณะที่ลูกค้าทั่วโลกยังคงปรับใช้กลยุทธ์คลาวด์คอมพิวติ้ง (Cloud Computing) และบิ๊กดาต้า (Big Data) ของอีเอ็ม ซีอย่างต่อเนื่อง  เราเชื่อมั่นว่ากลยุทธ์นี้ได้รับการกำหนดอย่างเหมาะสมและสนับสนุนอย่างแข็ง แกร่งด้วยผลิตภัณฑ์และบริการชั้นนำ รวมถึงพันธมิตรมากมาย  เรายังคงมั่นใจว่าผลประกอบการของเราจะยังคงแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องทั้งใน ช่วงปีนี้และในระยะยาว  ยิ่งไปกว่านั้น เรายังคงมุ่งมั่นที่จะลงทุนอย่างจริงจังเพื่อขยายความเป็นผู้นำทางด้าน เทคโนโลยีและช่วยให้ลูกค้าและผู้ให้บริการดำเนินการปฏิรูประบบไอทีและรูปแบบ ธุรกิจได้อย่างรวดเร็วฉับไวมากยิ่งขึ้น

ข้อมูลเกี่ยวกับอีเอ็มซี
อีเอ็มซี คอร์ปอเรชั่น (NYSE: EMC) เป็นผู้นำระดับโลกในด้านการพัฒนาและจัดหาโซลูชั่นและเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งช่วยให้องค์กรทุกขนาดปรับปรุงขีดความสามารถในการแข่งขันและใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่าจากข้อมูลที่มีอยู่ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการของอีเอ็มซี คลิกไปที่ www.thailand.emc.com

วันอังคารที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ศิลปะจากแสง



เราๆ ทุกคนเกิดมาก็พบกับแสงแดด ซึ่งเป็นแสงที่ธรรมชาติมอบให้เราได้รับความอบอุ่น แต่มีใครรู้บ้างว่าในแสงนั้น จะมีศิลปะอันสวยสดงดงามซ่อนอยู่ รอเราเข้าไปสัมผัสถึงความอัศจรรย์ของมัน ตอนเด็กๆ เราอาจจะจำได้ว่าคุณครูเคยพาเราไปสัมผ้สศิลปะแห่งแสงมาแล้ว แต่พอเติบใหญ่ขึ้น อาจจะลืมๆ ไปบ้าง บทความนี้เราจะพาทุกคนไปเรียนรู้วิธีเข้าไปสัมผัสกับความอัศจรรย์แห่งแสงอีกครั้งหนึ่ง



การสะท้อนของแสง เป็นคุณสมบัติข้อหนึ่งของแสง ที่เราพบเห็นได้ในชีวิตประจำวัน เริ่มตั้งแต่การเดินทางออกจากบ้าน เราพบอาคารหรือยานพาหนะที่มีกระจกสะท้อนแสงเข้าสู่ตาเรา หรือไม่ก็กระจกที่มีความโค้งนูนที่ช่วยให้เราสามารถมองเห็นยานพาหนะที่มาจากทางหนึ่งได้อย่างสะดวก และหลักการสะท้อนแสงนี้สามารถสร้างศิลปะให้เกิดความงดงามได้ด้วยวิธีการอธิบายให้เห็นอย่างง่ายๆ คือ


การนำกระจกเรียบสามชิ้นมาประกบกัน ให้เป็นรูปสามเหลี่ยม โดยให้ด้านที่สะท้อนแสงหันเข้าด้านใน ปิดให้เป็นรูปทรงสามเหลี่ยมตั้ง จากนั้นนำวัสดุที่แสงลอดผ่านได้มาปิดที่ปลายด้านหนึ่ง และให้นำวัตถุเล็กๆ หลากสีสันใส่ลงไปด้านใน ลองสังเกตดู เราจะเห็นภาพรูปทรงแปลกตาขณะที่หมุนกระจกไปมา การมองเห็นภาพที่แปลกตาและน่าอัศจรรย์เหล่านี้เกิดจากแสงสะท้อนไปมาระหว่างกระจกทั้งสาม อุปกรณ์ดังกล่าวมีชื่อว่า คาไลโดสะโค๊ป ซึ่งผู้ประดิษฐ์คิดค้นและจดสิทธิบัตรเป็นคนแรก คือ เซอร์ เดวิด บรู๊สเตอร์ ชาวสก็อตแลนด์ เขาเป็นทั้งนักเขียน นักคิด และนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียง โดยเฉพาะในเรื่องการศึกษาของโพลาไรเซชั่นของแสง คุณสมบัติของแสงที่เดินทางในคริสตัล และ การสะท้อนของแสงบนผิวโลหะ


ต่อมาได้มีการพัฒนาต่อยอดหลักการของคาไลโดสะโค๊ป เพื่อประดิษฐ์เป็นกล้องคาไลโดสะโค๊ป โดย นายชาร์ลส จี บุช เขานำไปผสมผสานเอาเซลล์ใส่วัตถุ และของเหลว มาติดไว้ที่ท้ายของกล้องคาไลโดสะโค๊ป เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนภาพได้ง่ายขึ้นจากการเลือกรูปร่างของวัตถุ ชนิดของวัตถุ และสีของวัตถุที่ใส่ลงเข้าไปในเซลล์แทน


เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการสะท้อนแสงจากจากสิ่งที่ตาเรามองเห็นแล้วสามารถสร้างจินตนาการของภาพให้มีความสวยงามแปลกตานั้น เกิดมาได้อย่างไร เราลองมาศึกษาโครงสร้างของคาไลโดสะโค๊ปซึ่งมีอยู่ด้วยกันสองแบบคือ



แบบที่หนึ่ง กระจกสองชิ้นประกบกัน




การประกบกระจกสองชิ้นเมื่อมุมระหว่างกระจกเท่ากับ 30 องศา จะทำให้ได้ภาพทั้งหมด 7 ภาพ



โครงสร้างของคาไลโดสะโค๊ปแบบนี้เห็นได้บ่อย โดยเฉพาะการเรียน เรื่องการสะท้อนของแสงในห้องเรียน ที่ต้องการสร้างภาพหลายภาพขึ้นมา ลักษณะของคาไลโดสะโค๊ปแบบนี้เกิดจากการเอากระจกเรียบสองชิ้นมาประกบกัน ให้ทำมุมซึ่งกันและกัน แล้ววางวัตถุไว้ระหว่างกระจกทั้งสอง ในโครงสร้างนี้จะเกิดการสะท้อนของวัตถุจากกระจกทั้งสองชิ้น และทำให้ได้ภาพสะท้อนกลับทั้งหมด ซึ่งการวางกระจกสองชิ้นมีลักษณะเป็นรูปตัวอักษร V ซึ่งวิธีนี้เป็นที่นิยมใช้เป็นเกมพันหน้า เพื่อเสริมการเรียนรู้เรื่องการสะท้อนของแสงในหลายประเทศ



แบบที่สอง กระจกสามชิ้นประกบกัน

แบบนี้เป็นที่นิยมเล่นกันทั่วไป เกิดจากการเอากระจกเรียบสามแผ่นมาประกบกัน แล้ววางวัตถุไว้ระหว่างกระจกทั้งสาม ในโครงสร้างนี้จะเกิดการสะท้อนของแสง ระหว่างกระจกทั้งสามชิ้นเป็นผลให้เกิดภาพสะท้อนจำนวนอนันต์ขึ้น โดยความสว่างของภาพจะลดลงเรื่อยๆ เนื่องจากแสงที่สะท้อนจากกระจกในแต่ละครั้ง ไม่สามารถสะท้อนได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพียงการเปลี่ยนมุมระหว่างกระจกทั้งสาม ก็สามารถทำให้ลักษณะของภาพที่ได้เปลี่ยนไป

จะเห็นได้ว่า กระจกเพียงสองถึงสามชิ้น ก็สามารถสร้างของเล่น สำหรับใช้สร้างสรรค์ศิลปะของวัตถุที่เกิดจากการสะท้อนของแสงได้อย่างน่าทึ่ง นวัตกรรมรุ่นเก่าที่ร่วมสมัยเกิดขึ้นเมื่อ 194 ปีมาแล้ว ก็ยังนำมาใช้ในการส่งเสริมการเรียนรู้ด้านแสงอย่างเกมพันหน้า และการต่อยอดสร้างนวัตกรรมรุ่นปัจจุบันเพื่อให้เกิดประโยชน์มากขึ้น หรือถ้าเรามองในอีกแง่มุมหนึ่ง ก็คือสิ่งประดิษฐ์ที่มีคุณค่า และมีผลในเชิงธุรกิจ ไม่จำเป็นที่จะต้องมีโครงสร้างที่ซับซ้อน หรือยากเกินความเข้าใจ ก็สามารถสร้างจินตนาการที่เกิดจากการมองเห็นภาพในกล้อง และสามารถนำไปประยุกต์ออกแบบงานศิลปะ ลวดลายต่างๆ ได้อย่างน่าทึ่งอีกด้วย ความมหัศจรรย์ของแห่งแสง น่าทึ่งจริงๆ

คุณ อริยะ พนมยงค์ ผงาดนั่งผู้จัดการ google ประจำประเทศไทย

คุณอริยะ  พนมยงค์
Google เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกาศ การแต่งตั้ง อริยะ พนมยงค์ ในตำแหน่ง ผู้จัดการประจำประเทศไทย หลังจากที่ใช้เวลาและกระบวนการคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมในการเป็นผู้นำทีมสำหรับประเทศไทยอย่างเข้มข้นและยาวนาน

Google สร้างขึ้นจากกรอบความคิดที่การทำงานต่างๆ ล้วนมีความท้าทายสูง และความท้าทายนั้นควรมาพร้อมกับความสนุกสนานควบคู่กันไป ดังนั้นเมื่อ Google เฟ้นหาผู้บริหารคนใหม่ที่จะมาเป็นผู้นำสำหรับการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ผู้บริหารที่เหมาะกับตำแหน่งนี้จำเป็นต้องมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้งในด้านการทำงาน
แบบมืออาชีพและสะท้อนความเป็น Google ที่แท้จริงในตัวตน หรือที่คนภายในองค์กรเรียกว่า Googley

ด้วยประสบการณ์กว่า 14 ปีในวงการโทรคมนาคม ซอฟต์แวร์ บริหารจัดการ และการเป็นที่ปรึกษา พร้อมกับปริญญาโทสองใบ ด้านคณิตศาสตร์และไอทีจากมหาวิทยาลัย Marne-La-Vallée ประเทศฝรั่งเศส และด้านวิทยาการจัดการจาก  London School of Economics ประเทศอังกฤษ คุณอริยะ สามารถพูดได้ถึง 4 ภาษา ซึ่งทุกคุณสมบัติเหล่านี้ สะท้อนถึงวัฒนธรรมของ Google ที่เห็นคุณค่าและให้ความสำคัญกับคนที่มีความมุ่งมั่นที่จะเข้าถึงเเละแก้ปัญหาด้วยวิธีการที่สร้างสรรค์อย่างจริงจัง

มร. จูเลียน เพอร์ซูด กรรมการผู้จัดการ Google เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อธิบายว่า Google รอคอยการแต่งตั้งตำแหน่งนี้ “คุณอริยะกำลังเข้ามาในเวลาที่น่าตื่นเต้นของเราในประเทศไทย เพราะเมื่อเร็วๆ นี้ก็มีการเปิดตัวโปรแกรมธุรกิจไทย Go Online และแคมเปญโฆษณาทางโทรทัศน์ของ Google Chrome ในแคมเปญ “เว็บคือสิ่งที่คุณสร้างสรรค์” จูเลียนกล่าว “ผมดีใจมากที่ได้ต้อนรับคนที่มีความสามารถเช่นคุณอริยะเข้ามาในทีมของเรา”

ก่อนหน้านี้คุณอริยะดำรงตำแหน่งเป็น หัวหน้าคณะผู้บริหาร ด้านการพาณิชย์คอนเวอร์เจนซ์ ที่ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด โดยปัจจุบันมีหน้าที่รับผิดชอบด้านการขายและพัฒนาธุรกิจของ Google ในประเทศไทย

คุณอริยะ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ผมชื่นชม Google อยู่เสมอ ไม่ว่าจะในเรื่องนวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์และวิธีการต่างๆ ที่มีบทบาทต่อการเปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกเรา และเชื่อว่า Google ประเทศไทยจะนำเสนอประสบการณ์ต่างๆ จากในและต่างประเทศ, เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ชาวไทย นักโฆษณาและพันธมิตรต่างๆ ในประเทศได้เข้าถึงและใช้บริการที่ดียิ่งขึ้นด้วยความเข้าใจที่ลึกซึ้งในตลาดท้องถิ่น”

Google กำลังมองหาผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเพื่อเข้าร่วมทีม Google ประเทศไทย โดยสามารถดูตำแหน่งงานที่กำลังเปิดรับสมัคร ได้ที่ http://www.google.com.sg/intl/en/jobs/singapore

Ultrabook โน้ตบุ๊คยุคหลัง 2010

 Ultrabook โน้ตบุ๊คหลัง 2010

                  หลังจากคอมพิวเตอร์ได้วิวัฒนาการมาหลายยุคหลายสมัย จากลูกคิดของชาวจีนโบราณ สู่คอมพิวเตอร์ที่คิดคำนวณได้อย่างรวดเร็ว ทันใจยิ่งนัก พัฒนาต่อมาสู่ีคอมพิวเตอร์ที่ถือไปไหนมาไหนได้ทุกหนทุกแห่ง กลายเป็นปัจจัยที่ 5 ที่มีความสำคัญไม่แพ้ H2O (อ๊อกซิเจน) ผมไม่ได้กล่าวเกินจริงไปเสียทีเดียว ยิ่งมาสมัยนี้ (2554 : 2011) มี iPAD มี iPhone มี Backberry สิ่งที่ก้าวข้ามสิ่งที่เป็นไปไม่ได้สู่ความจริงมากขึ้น สิ่งที่เทคโนโลยีที่เค้าผลิตกันออกมาล้วนมาตอบสนองความต้องการของผู้คนที่เปลี่ยนไป สังคมเมืองเยอะขึ้น คนมีปฏิสัมพันธ์กันในโลกเสมือนมากขึ้น แต่กลับละเลยปฏิสัมพันธ์กับคนรอบตัว ควาเหงา ความเดียวดาย ความต้องการเพื่อนของมนุษย์กลายเป็นปัจจัยสำคัญของการผลิตเทคโนโลยี 

Ultrabook ไม่ใช่เรื่องใหม่ที่มากล่าวกันในเวลานี้ แต่เป็นความฝันของคนรุ่นก่อนที่มีความพยามยามที่จะทำให้คอมพิวเตอร์มีน้ำหนักเบา พกพาง่าย และใช้พลัีงงานน้่อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยยังรักษาความสามารถของคอมพิวเตอร์ไว้ได้อย่างครบถ้วน และมีมากขึ้นด้วยซ้ำไป แม้ iPAD จะเริ่มนำการผลิตแบบ Ultrabook มาใช้เป็นรายแรก แต่รายอื่นก็มีความพยายามที่จะำทำเช่นเดียวกัน จึงเห็นได้ว่าต่อจากนี้ไปจะได้เลิกใช้โน้ตบุ๊คสมัยเก่ากึก กันเสียทีแล้ว มาตรฐานของ Ultrabook อยู่ที่ความบางเบา อยู่ที่ไม่เกิน 20 มิลิเมตร หรือไม่เกิน 0.8 นิ้ว นับว่าบางมากทีเดียว

อีกไม่กี่ปีนับจากนี้เราจะได้เรียกศัพท์ทางคอมพิวเตอร์กันอีกคำหนึ่งนั่นคือ Ultrabook แทนว่า Notebook นั่นเอง และสังคมโลกก็ยังติดแน่นในโลกของอินเทอร์เน็ตและ social Network กันต่อไป แ้ละยาวนาน จนกว่าโลกนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงที่ไม่้ต้องอาศัย Internet อีกต่อไป

ออราเคิลเปิดตัว Oracle CRM On Demand รีลีส 19

 ออราเคิลเปิดตัว Oracle CRM On Demand รีลีส 19
เพิ่มความสามารถด้านโมบิลิตี้และคลาวด์ ช่วยให้ฝ่ายขายเพิ่มช่องทางรายได้และประหยัดเวลา

             เพื่อตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของออราเคิลในการสร้างสรรค์นวัตกรรม Oracle CRM On Demand รีลีส 19 จึงนำเสนอความสามารถที่เหนือชั้นเพื่อกระตุ้นรายได้ ลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มความพึงพอใจให้แก่ลูกค้า
             Oracle CRM On Demand รีลีส 19 รองรับการขยายระบบคลาวด์อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทางเลือกในการใช้งานบนอุปกรณ์พกพา รวมถึงความสามารถในการปรับแต่งสำหรับลูกค้าและคู่ค้าที่ต้องการเข้าถึงข้อมูล CRM สำคัญๆ อย่างสะดวกรวดเร็วจากแทบเล็ต iPad, โทรศัพท์ iPhone ไปจนถึง Blackberry และโปรแกรม Microsoft Outlook
             การเข้าถึงทุกที่ทุกเวลาช่วยขจัดภาระในการอัพเดตข้อมูลให้กับพนักงานขาย และทำให้ข้อมูลมีความสอดคล้องกัน ขณะที่พนักงานจะสามารถทุ่มเทความพยายามให้กับงานขายเป็นหลัก แทนที่จะเสียเวลาอันมีค่าไปกับการอัพเดตข้อมูลด้วยตนเอง
            ระบบโมบิลิตี้ขั้นสูงที่อาศัยแอพพลิเคชั่นสมาร์ทโฟนซึ่งรองรับการเชื่อมต่ออย่างเหนือชั้นช่วยให้พนักงานขายสามารถเข้าถึงและอัพเดตข้อมูลได้ทุกที่ทุกเวลา
            นอกจากนี้ ยังใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น ด้วยอินเทอร์เฟซผู้ใช้ Microsoft Outlook ซึ่งรองรับการเข้าถึงข้อมูลทั้งหมดในโปรแกรมที่คุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็นแบบออนไลน์หรือออฟไลน์ก็ตาม
            ฟีเจอร์คลาวด์ที่ต่อขยายได้อย่างเหนือชั้น พร้อมโค้ด CRM ที่รองรับการขยายทางฝั่งไคลเอ็นต์ นับเป็นแพลตฟอร์มที่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้ลูกค้าทำการปรับแต่งได้ตามต้องการ
            Oracle CRM On Demand รีลีส 19 นำเสนอฟังก์ชั่นที่ครบครันสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมเฉพาะ เช่น วิทยาศาสตร์ชีวภาพ ประกันภัย บริการด้านการเงิน และยานยนต์  โดยฟังก์ชั่นใหม่ๆ ทางด้านวิทยาศาสตร์ชีวภาพ ได้แก่ การจัดเตรียมการโทรติดต่อจำนวนมาก (Mass Creation of Planned Calls), การประเมินผล PCD แบบปรับปรุง และความสามารถในการปรับแต่งและขยายความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้า-ผู้ติดต่อ  ส่วนฟังก์ชั่นใหม่ๆ ในส่วนยานยนต์ ได้แก่ การปรับปรุงรถยนต์, ที่อยู่ตัวแทนจำหน่าย และระบบวิเคราะห์ข้อมูลประวัติ  ขณะที่ความสามารถใหม่ๆ สำหรับธุรกิจประกันภัย ได้แก่ การสนับสนุนการสร้างนโยบาย, การปรับปรุงนโยบาย และการปรับปรุงแผนการเงินและบัญชีด้านการเงิน
Oracle CRM On Demand รีลีส 19 นำเสนอความสามารถใหม่ๆ เช่น ระบบโมบิลิตี้ที่ก้าวล้ำ และการจัดลำดับชั้นของโอกาส ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพการทำงานให้แก่ผู้ใช้” โจนาธาน อีสต์วูด ผู้จัดการฝ่ายบริการ CRMNow กล่าว “Open CTI API รุ่นปรับปรุง และการปรับแต่ง Java ช่วยให้นักพัฒนาสามารถใช้ประโยชน์จากมาตรฐานเปิดเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างลงตัว”
            “เพียงเก้าเดือนที่แล้ว ออราเคิลได้เปิดตัว Oracle CRM On Demand รุ่นก่อนหน้า และวันนี้ออราเคิลตอกย้ำอีกครั้งถึงความเป็นผู้นำในการสร้างสรรค์นวัตกรรม ด้วยการมอบคุณประโยชน์ที่เหนือกว่าเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการทำงานให้แก่พนักงานขาย” แอนโทนี่ ไล รองประธานอาวุโสฝ่าย Oracle CRM กล่าว “Oracle CRM On Demand รีลีส 19 เพิ่มความหลากหลายและความสะดวกในการใช้งาน ช่วยประหยัดเวลาให้แก่พนักงานขายและขยายโอกาสใหม่ๆ ในการสร้างรายได้สำหรับองค์กรโดยรวม  ออราเคิลมุ่งมั่นที่จะมอบคุณประโยชน์สูงสุดทางด้านธุรกิจ โดยอาศัยความสามารถของระบบไร้สายและระบบคลาวด์ใน Oracle CRM On Demand รีลีส 19”

วันจันทร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

Adobe Creative Suite 5.5 Production Premium

อะโดบีแนะนำ Adobe Creative Suite 5.5 Production Premium โซลูชั่นซอฟต์แวร์แบบครบวงจรสำหรับวิดีโอและงานโพสต์โปรดักชั่น
ยกระดับประสิทธิภาพ ปรับปรุงเวิร์กโฟลว์อย่างครบวงจรสำหรับมืออาชีพด้านระบบเสียงและวิดีโอ

กรุงเทพฯ — 18 กรกฎาคม 2554 — บริษัทอะโดบี ซิสเต็มส์ (Adobe Systems Incorporated) (Nasdaq:ADBE) แนะนำ Adobe Creative Suite 5.5 Production Premium โซลูชั่นซอฟต์แวร์แบบครบวงจรสำหรับวิดีโอและงานโพสต์โปรดักชั่น ซึ่งรองรับการนำเสนอคอนเทนต์สำหรับหน้าจอทุกขนาดบนอุปกรณ์หลากหลายรุ่น  ด้วยสมรรถนะที่เหนือชั้น การปรับปรุงเวิร์กโฟลว์ การสร้างสรรค์นวัตกรรม และการตัดต่อเสียงอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ โปรดักชั่น พรีเมี่ยม ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากลูกค้า ทั้งในส่วนของสถานีโทรทัศน์ ผู้สร้างภาพยนตร์ และมืออาชีพด้านวิดีโอทั่วโลก โดยมีการอัพเดตคอมโพเนนต์ต่างๆ เช่น Adobe Premiere Pro CS5.5, Adobe After Effects CS5.5, Adobe Flash Professional CS5.5, Adobe Flash Catalyst CS5.5, Adobe Story, Adobe Media Encoder CS5.5 และ Adobe Device Central CS5.5  และส่วนประกอบใหม่ใน Creative Suite 5.5 ก็คือ Adobe Audition CS5.5 ซึ่งรองรับการตัดต่อเสียงสำหรับวิดีโอแบบมัลติแทร็คบน Mac OS และ Windows เป็นครั้งแรกในแวดวงอุตสาหกรรม
พร้อมกันนี้ อะโดบีได้เปิดตัวแผนบริการสมัครสมาชิกที่ยืดหยุ่นและช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายสำหรับลูกค้าที่ต้องการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ อะโดบี ครีเอทีฟ สวีท (Creative Suite) อยู่เสมอ หรืออาจต้องการใช้งานสำหรับโครงการหนึ่งๆ หรือต้องการทดลองใช้งานซอฟต์แวร์เป็นครั้งแรก โดย Subscription Editions จะช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้งานซอฟต์แวร์เวอร์ชั่นล่าสุด โดยไม่ต้องจ่ายค่าซอฟต์แวร์เต็มราคา ทั้งนี้ ภายใต้บริการสมัครสมาชิก ลูกค้าจะสามารถใช้ Adobe Production Premium CS5.5 โดยเสียค่าใช้จ่ายเพียงเดือนละ US $85 เท่านั้น
นาย จิม เกอราร์ด รองประธานและผู้จัดการทั่วไปฝ่ายวิดีโอระดับมืออาชีพของอะโดบี กล่าวว่า “ในช่วงปีที่แล้ว เราได้รับการตอบรับที่ดีอย่างมากสำหรับ Adobe Creative Suite CS5 Production Premium ซึ่งเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ มีฟีเจอร์ใหม่ๆ และสามารถผนวกรวมเข้ากับอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์และกล้องจากผู้ผลิตหลายราย โดยรองรับเวิร์กโฟลว์ที่ราบรื่นและกลมกลืนสำหรับมืออาชีพด้านวิดีโอ ทั้งขั้นตอนการระบุคำอธิบายข้อมูล การทำงานร่วมกัน และการเผยแพร่คอนเทนต์ CS5.5 นับเป็นการยกระดับผลิตภัณฑ์ชั้นนำ โดยนำเสนอเครื่องมือและฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ช่วยถ่ายทอดเรื่องราวในรูปแบบที่น่าประทับใจสำหรับผู้ชมทั่วโลก”
ประสิทธิภาพที่สูงยิ่งขึ้น
Adobe Creative Suite 5.5 Production Premium ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพอย่างเหนือชั้นสำหรับมืออาชีพด้านวิดีโอและเสียงที่ต้องการเพิ่มความรวดเร็วให้กับเวิร์กโฟลว์การทำงาน  Adobe Mercury Playback Engine ใน Adobe Premiere Pro CS5 ช่วยขยายการสนับสนุนฮาร์ดแวร์หน่วยประมวลผลกราฟิก (Graphics Processing Unit - GPU) เพื่อให้ครอบคลุมแลปท็อปและการ์ดแสดงผลเพิ่มเติม ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเริ่มต้นโครงการได้เร็วขึ้น รับคำติชมแบบเรียลไทม์สำหรับฟีเจอร์ที่เร่งความเร็ว GPU และทำงานได้ราบรื่นมากขึ้นที่ความละเอียด 4k ขึ้นไป
Adobe Premiere Pro CS5.5 เพิ่มประสิทธิภาพ ด้วยการรองรับเวิร์กโฟลว์การตัดต่อที่ราบรื่นและต่อเนื่อง โดยอาศัยเครื่องมือตัดต่อที่แม่นยำมากขึ้น  การสนับสนุนเสียงแบบ Dual-system จากคำสั่ง Merge Clips ใน Adobe Premiere Pro CS5.5 จะช่วยให้ผู้ใช้ซิงค์วิดีโอเข้ากับระบบเสียงคุณภาพสูงที่บันทึกไว้บนอุปกรณ์ที่แยกต่างหาก เช่น เครื่องบันทึกโลเกชั่น ซึ่งเหมาะสำหรับเวิร์กโฟลว์ DSLR หรือ RED  การใช้ประโยชน์จากเวิร์กโฟลว์แบบครบวงจรโดยใช้ Adobe Audition จะช่วยให้ผู้ใช้ Adobe Premiere Pro ประหยัดเวลาด้วยการบันทึกคลิปและลำดับภาพ รวมถึงวิดีโออ้างอิง ไปยัง Adobe Audition โดยตรงสำหรับการตัดต่อและกู้คืนเสียง  ความเป็นผู้นำของอะโดบีในเวิร์กโฟลว์แบบใช้ไฟล์ขยายขอบเขตเพิ่มมากขึ้นใน CS5.5 ด้วยการสนับสนุนที่เหนือกว่าสำหรับ RED และกล้องอื่นๆ ที่ไม่ใช้เทป รวมถึงกล่องโต้ตอบ RED Source Settings ใน Premiere Pro และ After Effects CS5.5 และการสนับสนุนแบบเนทีฟสำหรับสื่อที่มีความละเอียดสูงสุด 5k จากกล้อง RED Epic ผ่านทางส่วนขยายที่มีอยู่บน Adobe Labs  การจัดหาโซลูชั่นตัดต่อแบบเนทีฟใน CS5.5 ช่วยให้ผู้ใช้ประหยัดเวลา และขจัดความจำเป็นในการเข้ารหัส/ถอดรหัส หรือการปรับแต่งฟุตเทจภาพยนตร์
ด้วยการพัฒนาต่อยอดจากความสามารถในการแสดงผลหลายหน้าจอของ Creative Suite Production Premium มีการปรับเปลี่ยน Adobe Media Encoder CS5.5 รุ่น 64 บิต เพื่อนำเสนอลำดับวิดีโอ Adobe Premiere Pro, ผลงาน After Effects และโครงการ Adobe Encore สำหรับหน้าจอหลากหลายรูปแบบภายในเวลาอันรวดเร็ว ขณะที่กำลังเข้ารหัสที่ส่วนแบ็คกราวด์  นอกจากนี้ Adobe Media Encoder CS5.5 ยังรองรับรูปแบบใหม่ๆ เช่น AVC-Intra และ DPX รวมถึงโฟลเดอร์สำหรับการรับชม เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้ารหัสคลิปวิดีโอหนึ่งชุดสำหรับปลายทางที่หลากหลาย โดยใช้การลากและปล่อยอย่างง่ายดาย
กาเรธ เอ็ดเวิร์ด ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดังและครีเอทีฟที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของภาพยนตร์เรื่อง Monsters ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยมในช่วงปี 2553 กล่าวว่า “เมื่อคุณดูภาพยนตร์ คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์ที่ดื่มด่ำ น่าประทับใจ สำหรับองค์ประกอบโดยรวมทั้งหมด ไม่ใช่รายละเอียดปลีกย่อย และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้ผมชื่นชอบ Adobe Creative Suite เพราะเครื่องมือทั้งหมดเชื่อมโยงกันอย่างกลมกลืนจนแทบจะปราศจากเส้นแบ่งระหว่างแต่ละขั้นตอนในกระบวนการ  ด้วยเหตุนี้ เราจึงสามารถโฟกัสที่การสร้างสรรค์ผลงานที่สอดคล้องกัน ไม่ใช่ส่วนประกอบที่แยกออกจากัน  ความเชื่อมโยงที่ว่านี้ บวกกับความรวดเร็วอย่างเหลือเชื่อของ Mercury Playback Engine ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างมาก  ถ้าหากเราได้ใช้ CS5.5 ในการตัดต่อภาพยนตร์เรื่อง Monsters ผมเชื่อว่าเราคงทำงานให้เสร็จสมบูรณ์ได้เร็วขึ้นกว่าเดิมถึงสองเดือน”
การสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ปฏิวัติวงการ
นวัตกรรมใหม่ๆ ในชุดซอฟต์แวร์นี้ช่วยให้มืออาชีพด้านเสียงและวิดีโอสามารถขจัดอุปสรรคในการสร้างสรรค์งานครีเอทีฟ  ทั้งนี้ After Effects CS5.5 มีฟีเจอร์ใหม่ๆ เช่น Warp Stabilizer, Camera Lens Blur และ Light Falloff ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับปรุงฟุตเทจภาพยนตร์ในขั้นตอนโพสต์โปรดักชั่น  ฟีเจอร์ Warp Stabilizer จะกำจัดปัญกาการสั่นไหวของกล้อง ทำให้ภาพที่ได้ดูเรียบนิ่งราวกับว่ากล้องถ่ายภาพยนตร์ถูกติดตั้งไว้บนแท่นตั้งวางที่มั่นคง  ขณะที่เอฟเฟ็กต์ Camera Lens Blur เลียนแบบภาพเบลอจากเลนส์ได้อย่างสมจริง  ส่วนเอฟเฟ็กต์ Light Falloff ช่วยให้ผู้ใช้จำลองแสงธรรมชาติที่ตกกระทบวัตถุในฉาก 3 มิติ และยังสามารถใช้ในการสร้างเอฟเฟ็กต์ความเข้มแสงในลักษณะอื่นๆ ได้อีกด้วย
นอกเหนือจากงานด้านเสียงแล้ว ตอนนี้บุคลากรด้านงานวิดีโอจะสามารถใช้ประโยชน์จาก Adobe Audition ใน CS5.5 Production Premium สำหรับแพลตฟอร์ม Mac และ Windows โดยเอนจิ้นเสียงที่ปรับเปลี่ยนใหม่ใน Audition นับเป็นชุดเครื่องมือที่แข็งแกร่งสำหรับการบันทึก ตัดต่อ มิกซ์ ปรับแต่ง และปรับเสียงให้อ่อนนุ่มลง ด้วยเครื่องมือตัดต่อและมิกซ์แบบมัลติแทร็ค จึงช่วยลดเสียงรบกวน พร้อมเสนอทางเลือกเอฟเฟ็กต์ที่หลากหลาย ช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญด้านเสียงและวิดีโอบนแพลตฟอร์ม Mac และ Windows ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จาก Adobe Audition CS5.5 สำหรับการจัดการงานต่างๆ มากมายอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
ปรับปรุงการทำงานร่วมกัน
Adobe Creative Suite 5.5 Production Premium ผลักดันการสร้างสรรค์นวัตกรรม ด้วยการปรับปรุงการทำงานร่วมกันบนเวิร์กโฟลว์ที่มีอยู่ แม้กระทั่งในกรณีที่ผู้ใช้แต่ละคนใช้เครื่องมือที่แตกต่างหลากหลาย  การสนับสนุนการแลกเปลี่ยนโครงงานที่ปรับปรุงดีขึ้นสำหรับผู้ใช้ Final Cut Pro จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นสูงสุดสำหรับพนักงานตัดต่อวิดีโอ ขณะที่การสนับสนุน OMF ใน Adobe Premiere Pro และ Adobe Audition ช่วยให้สามารถส่งออกโครงงานเสียงคุณภาพสูงไปยัง Avid ProTools ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานร่วมกันของพนักงานตัดต่อเสียง พนักงานรีมิกซ์ และนักออกแบบเสียง
การเข้าถึง Adobe Story เวอร์ชั่นใหม่ภายใต้บริการออนไลน์ Adobe CS Live*† จะช่วยปรับปรุงการประสานงานร่วมกันของผู้ใช้ ด้วยการแจ้งเตือนทางอีเมล์เกี่ยวกับการแก้ไขสคริปต์ใหม่ๆ และวิธีการที่รวดเร็วมากขึ้นในการตรวจสอบติดตามความเปลี่ยนแปลงขององค์กรประกอบสคริปต์และฟิลเตอร์  ความสามารถในการนำเข้าข้อมูลสคริปต์ Adobe Story ไปยัง Adobe Premiere Pro โดยตรง จะช่วยเสริมสร้างการสนับสนุนคำอธิบายข้อมูลแบบ XML ในชุดโปรแกรม Production Premium ซึ่งนับว่าสำคัญอย่างยิ่งสำหรับทุกสิ่ง ตั้งแต่เวิร์กโฟลว์แบบใช้ไฟล์ ไปจนถึงการจัดการสื่อ  ความเป็นผู้นำอุตสาหกรรมสำหรับเวิร์กโฟลว์ที่ใช้คำอธิบายข้อมูล บวกกับความสะดวกและความยืดหยุ่นในการผนวกรวมแอพพลิเคชั่นของอะโดบีเข้ากับโซลูชั่นสำคัญๆ ของบริษัทอื่น ตั้งแต่ระบบจัดการข่าว ไปจนถึงเซิร์ฟเวอร์สำหรับการเล่นสื่อ ทั้งหมดนี้คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้สถานีโทรทัศน์หลายรายและองค์กรอื่นๆ ทั่วโลกเปลี่ยนมาใช้ Adobe Creative Suite Production Premium
ราคาและการวางจำหน่าย
ด้วยการสมัครสมาชิกสำหรับ Creative Suite ลูกค้าจะสามารถเลือกแผนการสมัครสมาชิก 1 ปีเพื่อลดค่าใช้จ่าย หรือสมัครสมาชิกรายเดือนเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Subscription Editions คลิกไปที่: www.adobe.com/go/cssubscription.
หากต้องการทราบราคาสำหรับนักเรียนนักศึกษา คณาจารย์ และสถานศึกษา กรุณาติดต่อตัวแทนจำหน่ายและร้านค้าออนไลน์ของอะโดบีที่ www.adobe.com/education/purchasing/education_pricing.html  ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Volume Licensing สำหรับสถานศึกษามีอยู่ที่ www.adobe.com/aboutadobe/volumelicensing/education
รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟีเจอร์ต่างๆ ระบบปฏิบัติการที่รองรับ นโยบายการอัพเกรด ราคา และเวอร์ชั่นภาษาต่างประเทศ ดูได้จาก www.adobe.com/go/creativesuiteproduction

อีเอ็มซีเปิดตัวระบบ SYMMETRIX VMAXe

อีเอ็มซีเปิดตัวระบบ SYMMETRIX VMAXe
หวังขยายตลาดสตอเรจระดับไฮเอนด์
สถาปัตยกรรมสตอเรจ VMAX พร้อมนวัตกรรมซอฟต์แวร์และการติดตั้ง
ที่รวดเร็ว เร่งการพัฒนาสู่คลาวด์คอมพิวติ้ง
ประเด็นข่าว:
•    อีเอ็มซีมีแผนที่จะขยายขอบเขตการเข้าถึงตลาดสตอเรจระดับไฮเอนด์ทั่วโลก ด้วยการนำเสนอระบบสตอเรจรุ่นใหม่ล่าสุด Symmetrix VMAXe ซึ่งจะช่วยให้ฝ่ายไอทีขององค์กรต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศสามารถพัฒนาสู่ระบบคลาวด์ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
•    ดีไซน์ขนาดเล็กกะทัดรัดที่ใช้สถาปัตยกรรมสตอเรจระดับองค์กร Symmetrix VMAX แบบขยายออก (scale-out) ประกอบด้วยซอฟต์แวร์สำคัญๆ ที่ติดตั้งไว้แล้ว และกำหนดค่าได้อย่างง่ายดายและรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่นาที
•    สนับสนุนการรีพลิเคตข้อมูลแบบโลคัลและรีโมตสำหรับระบบสตอเรจของอีเอ็มซีและบริษัทอื่นๆ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปกป้องข้อมูลและเพิ่มความสะดวกในการโยกย้ายข้อมูล
•    เข้าถึงเทคโนโลยีสตอเรจระดับไฮเอนด์ของอีเอ็มซีได้ง่ายขึ้นผ่านช่องทางจัดจำหน่ายที่เพิ่มมากขึ้นในตลาดต่างประเทศ
เนื้อหาข่าว:
กรุงเทพฯ, ประเทศไทย –18 กรกฎาคม 2554– อีเอ็มซี คอร์ปอเรชั่น เปิดตัวระบบสตอเรจรุ่นใหม่ EMC® Symmetrix® VMAXe™ พร้อมด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีสตอเรจที่ออกแบบเป็นพิเศษสำหรับระบบคลาวด์แบบเวอร์ช่วลไลซ์และสภาพแวดล้อมไอทีที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ระบบ VMAXe ช่วยให้ฝ่ายไอทีขององค์กรต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศซึ่งมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว เช่น อินเดีย จีน ยุโรปตะวันออก และอื่นๆ สามารถพัฒนาสู่ระบบคลาวด์คอมพิวติ้งได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
Symmetrix VMAXe ประกอบด้วยสถาปัตยกรรมชั้นนำ Virtual Matrix Architecture™ และนวัตกรรมซอฟต์แวร์เช่นเดียวกับระบบ Symmetrix VMAX ขนาดใหญ่ที่ใช้งานในดาต้าเซ็นเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกโดยได้รับการออกแบบเป็นพิเศษสำหรับองค์กรที่มีความเชี่ยวชาญด้านสตอเรจและทรัพยากรไอทีอย่างจำกัด นอกจากนี้ยังใช้ดีไซน์ฮาร์ดแวร์แบบใหม่เพื่อลดขนาดของอุปกรณ์ พร้อมซอฟต์แวร์แบบในตัวเพื่อความรวดเร็วในการติดตั้ง กำหนดค่า และบริหารจัดการ
การปรับใช้เทคโนโลยีคลาวด์คอมพิวติ้งอย่างรวดเร็วทั่วโลกส่งผลให้ข้อมูลมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด และหลายๆ องค์กรก็ประสบปัญหาในการจัดการกับข้อมูลมากมายเหล่านี้ ทั้งๆ ที่มีบุคลากร พื้นที่สำนักงาน และงบประมาณอย่างจำกัด  Symmetrix VMAXe ช่วยแก้ไขปัญหาท้าทายเหล่านี้ด้วยระบบจัดเก็บข้อมูลอัตโนมัติอย่างเหนือชั้น เพิ่มความสะดวกในการจัดการและจัดสรรทรัพยากร ปรับระดับประสิทธิภาพได้อย่างยืดหยุ่น รีพลิเคตข้อมูลแบบโลคัลและรีโมตได้อย่างฉับไว พร้อมความสามารถในการรองรับเวอร์ช่วลแมชชีนหลายพันเครื่องจากวีเอ็มแวร์และผู้ผลิตรายอื่นๆ
จุดเด่นของ Symmetrix VMAXe:
ดีไซน์ฮาร์ดแวร์แบบใหม่: Symmetrix VMAXe ผสานรวมสถาปัตยกรรม Virtual Matrix Architecture ซึ่งนำเสนอความพร้อมใช้งานในระดับดาต้าเซ็นเตอร์ ด้วยดีไซน์เอนจิ้น (Engine) แบบใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยโปรเซสเซอร์แบบมัลติคอร์จาก Intel และระบบพลังงานเฟสเดียว โดยสามารถเพิ่มเป็น 4 เอนจิ้น ทั้งยังเพิ่มดิสก์ไดรฟ์และแฟลชไดรฟ์จากหลายสิบไดรฟ์เป็น 960 ไดรฟ์ได้อย่างง่ายดาย พร้อมรองรับความสามารถทางด้านซอฟต์แวร์ระดับไฮเอนด์ รวมถึง FAST VP (fully automated storage tiering with virtual pools) และซอฟต์แวร์ EMC TimeFinder®  สำหรับการรีพลิเคตข้อมูลแบบโลคัล
จัดสรรทรัพยากรภายในเวลาไม่กี่นาที: Symmetrix VMAXe สามารถกำหนดค่าได้ภายในเวลาไม่กี่นาที ด้วย EMC Virtual Provisioning™ ซึ่งเพิ่มความสะดวกในการจัดการ และปรับปรุงการใช้ประโยชน์ด้วยการจัดสรรสตอเรจตามความจำเป็น
รีพลิเคตข้อมูลได้อย่างเหนือชั้น: ระบบ Symmetrix VMAXe ผนวกรวมเข้ากับซอฟต์แวร์ EMC RecoverPoint สำหรับการรีพลิเคตข้อมูล จึงรองรับการปกป้องข้อมูลอย่างต่อเนื่อง (Continuous Data Protection - CDP) และการรีพลิเคตข้อมูลแบบโลคัลและรีโมตอย่างต่อเนื่อง (Continuous Local Replication และ Continuous Remote Replication - CLR และ CRR) ระหว่าง VMAXe และสตอเรจแอเรย์อื่นๆ ทั้งของอีเอ็มซีและบริษัทอื่นๆ เพื่อการกู้คืนระบบ การโยกย้ายข้อมูล และการกู้คืนข้อมูล ณ ช่วงเวลาที่กำหนด
บริหารจัดการได้อย่างง่ายดาย: Symmetrix VMAXe จัดหาซอฟต์แวร์ชั้นนำที่ช่วยเพิ่มความสะดวกในการจัดการระบบเวอร์ช่วลคอมพิวติ้ง รวมถึง EMC Symmetrix Management Console and Performance Analyzer พร้อม GUI บนเว็บที่ใช้งานง่าย และแดชบอร์ดที่แสดงข้อมูลในแบบเรียลไทม์ และซอฟต์แวร์ EMC PowerPath® SE สำหรับการจัดการพาธโดยอัตโนมัติ ช่วยเพิ่มความพร้อมใช้งานสูงสุด และคุณประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย
มีวางจำหน่ายแล้วทั่วโลก: อีเอ็มซีวางจำหน่ายระบบสตอเรจระดับไฮเอนด์ผ่านช่องทางจัดจำหน่ายที่เพิ่มมากขึ้นในประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยลูกค้าสามารถสั่งซื้อ Symmetrix VMAXe ได้จากคู่ค้าในโครงการ EMC Velocity Channel หรือสั่งซื้อจากอีเอ็มซีได้โดยตรง
 คำกล่าวของผู้บริหารอีเอ็มซี
“ความสำเร็จและการปรับใช้แพลตฟอร์ม Symmetrix VMAX และเทคโนโลยี FAST อย่างกว้างขวางในช่วงปีที่แล้ว นับเป็นปรากฎการณ์ครั้งสำคัญ และปรากฏให้เห็นในส่วนแบ่งตลาดที่เราได้รับเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง  ในช่วงเวลาดังกล่าว เราได้รับฟังความคิดเห็นจากลูกค้าหลายราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกค้าในตลาดต่างประเทศ ซึ่งต้องการประสิทธิภาพที่ปรับระดับได้อย่างเหมาะสม การจัดแบ่งลำดับชั้นของสตอเรจโดยอัตโนมัติ และความสามารถระดับไฮเอนด์อื่นๆ ที่เหมาะสมสำหรับลูกค้า  ด้วยเหตุนี้ เราจึงได้พัฒนา Symmetrix VMAXe เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้ ทั้งในเรื่องราคา พื้นที่ และการจัดการระบบ  ที่จริงแล้ว ลูกค้าหลายรายในกลุ่มนี้เป็นผู้ให้บริการที่มีสภาพแวดล้อมแบบเวอร์ช่วลขนาดใหญ่ รองรับข้อมูลจำนวนมาก และตอนนี้ลูกค้าเหล่านี้ก็สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสตอเรจอัจฉริยะที่เปี่ยมด้วยสมรรถนะและเสถียรภาพได้อย่างง่ายดาย”

ที่มาของข่าว ไบรอัน กาลาเกอร์ ประธานกลุ่มธุรกิจสตอเรจระดับองค์กรของอีเอ็มซี

Google สนับสนุนเครือข่ายคนรักสัตว์


Google สนับสนุนเครือข่ายคนรักสัตว์รวมพลังจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ “Dogs Day” เดินสายชุบชีวิตให้น้องหมาและเเมวกว่า 5,000 ตัว

สะท้อนให้เห็นพลังและคุณค่าจากการใช้เว็บ ที่สามารถสร้างสรรค์สิ่งดีดี ให้โลกน่าอยู่ขึ้นได้

(กรุงเทพฯ, ประเทศไทย, 18 กรกฎาคม 2554) มูลนิธิคนรักสัตว์กว่า 10 องค์กรร่วมกับ Google ประเทศไทย ระดมพลคนออนไลน์ใจดีพร้อมอาสาสมัครกว่า 200 คน เพื่อช่วยเหลือสุนัขและแมวจรจัดที่ถูกทอดทิ้ง ในเขตกรุงเทพและจังหวัดใกล้เคียง จำนวนกว่า 5,000 ตัว ในกิจกรรม “Dogs Day” เมื่อวันที่ 15 ก.ค. ที่ผ่านมา แสดงพลังสร้างสรรค์สังคมด้วยคุณค่าจากเว็บ

“Dogs Day ยกพลช่วยน้องหมา” เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่เกิดขึ้นจากการใช้เว็บอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งได้รับแรงบันดาลจากภาพยนตร์โฆษณาเรื่อง “คนรักสัตว์” ซึ่งเป็นหนึ่งในสามเรื่อง จากแคมเปญ “เว็บคือสิ่งที่คุณสร้างสรรค์”  ที่ Google Chrome ได้นำเสนอไปเมื่อเดือนที่แล้ว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปลุกกระแสการออนไลน์อย่างมีคุณค่าขึ้น ในสังคมไทย

คุณพรทิพย์ กองชุน หัวหน้าฝ่ายการตลาดประจำประเทศไทย Google เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า
“Google ยินดีที่ได้มีส่วนร่วมสนับสนุนโครงการ Dogs Day เชื่อมโยงโลกออนไลน์และกลุ่มคนรักสัตว์เข้าด้วยกัน ให้ทุกคนได้รวมตัวและทำสิ่งดีๆ ร่วมกัน เนื่องจากทุกวันนี้มีสุนัขและแมวจำนวนกว่า 100,000 ตัวทั่วประเทศ ที่ถูกทอดทิ้งให้เป็นสัตว์เร่ร่อน แม้จะมีผู้ใจบุญกลุ่มเล็กๆ ที่คอยทุ่มเทกำลังกายและกำลังทรัพย์เพื่อช่วยเหลืออยู่ แต่นั่นไม่เพียงพอ และเราทราบดีว่ามีผู้ใจดีอีกมากมายที่อยากช่วยแต่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร ”

จากแนวคิด “เว็บคือสิ่งที่คุณสร้างสรรค์” Google และพันธมิตรจึงสร้างสิ่งดีดี ต่อสังคม ในการช่วยเหลือสุนัขและเเมวจรจัด โดยการ พึ่งพาพลังของเว็บในการชวนคนรักสัตว์มีสวนร่วมใน กิจกรรมจิตอาสาต่างๆ เช่นโครงการช่วยเหลือสัตว์จรจัดเหล่านี้ เพื่อหาอาสาสมัครและผู้ใจดีมาช่วยดูแลพวกมันต่อไป

ในวันที่ 15 กรกฎาคมนี้ เครือข่ายคนรักสัตว์ทั้งหลายได้รวมตัวกันไปทำบุญพร้อมกับช่วยเหลือดูแลน้องหมา ไม่ว่าจะเป็นบริจาคสิ่งของ ทำความสะอาด พาเดินเล่น ทำเว็บเพื่อสื่อสารไปยังคนรักสัตว์ทั่วโลก เชิญชวนมาร่วมสมทบทุน สร้างโปรไฟล์ประจำตัวให้น้องหมาและแมว เพื่อหาผู้ใจบุญมารับไปเลี้ยงและ Google เชื่อว่ายังมีสิ่งดีๆ และจิตใจที่งดงามของคนไทยรออยู่และจะเกิดขึ้นอีกครั้งเหมือนกับคลิปวิดีโอนี้ http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=esNSqbnHPbk
กิจกรรมของสมาชิกที่ร่วมเดินทางไปกับมูลนิธิฯ และ Google มี 4 อย่างหลักๆ ได้เเก่
      จูงน้องหมาพาเดินเล่น
      ป้อนอาหารผลาญความหิว
      ร่วมทำบุญเจือจุนน้องหมา
      ทำเว็บน้องหมาเพื่อหาบ้านให้อยู่

ตัวอย่างกิจกรรมต่างๆ ของ Dogs Day แสดงให้เห็นว่าเว็บคือช่องทางที่ไร้ขีดจำกัดและเมื่อถูกใช้ในทางที่สร้างสรรค์ อย่างเต็มศักยภาพ  เว็บก็สามารถทำให้ทุกคนทำทุกสิ่งที่ใจต้องการได้
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับกิจกรรม Dogs Day ได้ที่ http://www.dogsday.in.th/ และ
รูปเพิ่มเติมกิจกรรม Dogs Day ได้ที่ https://picasaweb.google.com/108823081681476437206/DogsDay

วันเสาร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

Norton Internet Security 2011 คุ้มสุดคุ้ม

Norton Internet Security 2011 ปล่อยโปรโมชั่นสุดคุ้มซื้อ 1 แถม 1
ลดกระหน่ำมากกว่า 50% ที่ Commart X’Gen สิ้นเดือนนี้

 Norton Internet Security 2011 ปล่อยโปรโมชั่นร้อน ซื้อ 1 แถม 1 พร้อมกิจกรรมนาทีทอง ซื้อ Norton Internet Security 2011 ในราคาเพียง 199 บาท จากราคาปกติ 890 บาท ในงาน Commart X’Gen 2011 ระหว่างวันที่ 21-24 กรกฎาคม 2554 นี้ พร้อมทั้งโปรโมชั่นเด็ด ส่วนลดสูงสุดถึง 50 เปอร์เซ็นต์ สำหรับผู้ซื้อโน้ตบุ๊กภายในงาน Commart


Norton Internet Security 2011 ผู้นำด้านซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัย ส่งโปรโมชั่นเด็ดซื้อ 1 แถม 1 สำหรับผลิตภัณฑ์ Norton ทุกรุ่น* พร้อมกิจกรรมสุดพิเศษ “นาทีทอง” ได้สิทธิ์ซื้อ Norton Internet Security ในราคาเพียง 199 บาท* จากราคาปกติ 890 บาท โดยจะจำหน่ายราคาสุดพิเศษนี้ตามรอบกิจกรรมนาทีทองในงาน Commart ณ บูธ หมายเลข M8 เท่านั้น นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่ซื้อโน้ตบุ๊ก รุ่นหรือยี่ห้อใดก็ได้ในงาน Commart รับไปเลยส่วนลดสูงสุดถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ในการซื้อผลิตภัณฑ์ Norton มาร่วมกิจกรรมพร้อมสินค้าโปรโมชั่นเร้าใจนี้ ได้ที่งาน Commart X’Gen 2011 วันที่ 21-24 กรกฎาคม 2554 ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

Norton Internet Security 2011 คือ ซอฟต์แวร์ชั้นนำด้านการรักษาความปลอดภัย พรั่งพร้อมด้วยคุณสมบัติใหม่ พัฒนาโดดเด่นขึ้นไม่ซ้ำใคร มาพร้อมด้วย Norton Reputation Service เอกสิทธิ์เฉพาะของ Norton ที่ช่วยตรวจสอบที่มาและระยะเวลาที่ไฟล์ฝังอยู่ในคอมพิวเตอร์ และฟังก์ชั่นใหม่พิเศษสุด การแจ้งเตือนประสิทธิภาพล่วงหน้า หากแอพพลิเคชั่นใดทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดน้อยลง สามารถปรับเปลี่ยนได้ทันที พร้อมทั้งฟังก์ชั่นใหม่ล่าสุด Norton Safe Web แจ้งเตือนและสกัดกั้นเว็บไซต์ที่ไม่ปลอดภัยได้อัตโนมัติ

Norton Internet Security 2011 ได้รับรางวัล “Best AntiVirus Software 2011” จากนิตยสาร PC Magazine ซึ่งถือเป็นรางวัลการันตีได้ว่า Norton Internet Security เป็นอันดับ 1 ในการป้องกันอาชญากรรมทางอินเตอร์เน็ต

วันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

iPAD® 2 ที่ตั้ง/เคสแบบหมุนได้ 360 องศา


ทาร์กัสเปิดตัวอุปกรณ์เสริมสำหรับ iPAD® 2ที่ตั้ง/เคสแบบหมุนได้ 360 องศารุ่น THZ045US

                ทาร์กัส อิงค์ (Targus® Inc.) ผู้ผลิตเคสคอมพิวเตอร์แลปท็อปและอุปกรณ์เสริมที่ขายดีที่สุดในโลก ตอกย้ำตำแหน่งผู้นำแบรนด์ขายดีที่สุดอันดับ 1 เปิดตัว ที่ตั้ง / เคสแบบหมุนได้ 360 องศา รุ่น THZ045US สำหรับ iPad 2 ด้วยสไตล์ที่เหนือชั้น พร้อมกลไกที่โดดเด่นเฉพาะตัว ช่วยให้ iPad 2 สามารถหมุนได้อย่างอิสระ และเน้นโลโก้ Apple ให้ดูโดดเด่นมากขึ้นเป็นพิเศษ ขณะที่ iPad 2 ถูกเก็บไว้ในเคสอย่างปลอดภัย ผู้ใช้สามารถเพลิดเพลินไปกับมุมมองทั้งแนวตั้งและแนวนอน ที่ปรับได้ 3 ระดับ เพื่มความสะดวกสบายและการใช้งานที่เหมาะสมที่สุด THZ045US ด้านนอกผลิตจากวัสดุที่แข็งแรง ส่วนด้านในทำจากไมโครไฟเบอร์ที่อ่อนนุ่ม เพื่อการปกป้องที่ดีที่สุด และดีไซน์ที่ลงตัวรองรับการเข้าถึงปุ่มและพอร์ตเชื่อมต่อได้อย่างง่ายดาย มีให้เลือก 3 สี: THZ045AP (ดำ) / THZ04501AP (ฟ้า) / THZ04502AP (ส้ม)
                มีวางจำหน่ายแล้ววันนี้ที่ iStudio*, iBeat*, .Life และตัวแทนจำหน่ายอื่นๆ ในราคา 2,190 บาท

วันพฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

TK Park ร่วมกับ Acer ขยายศักยภาพห้องสมุดมีชีวิต

สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ (ทีเค พาร์ค) และเอเซอร์
ขยายศักยภาพ ห้องสมุดมีชีวิต
ครั้งแรกกับการเชื่อมดิจิตอล คอนเทนท์ บน Acer ICONIA TAB A500

  
กรุงเทพฯ—7 กรกฎาคม 2554 สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ (ทีเค พาร์ค) ร่วมกับ เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ เติมเต็มช่องว่างการเรียนรู้และเข้าถึงดิจิตอล คอนเทนต์ของทีเค พาร์ค และพัฒนาความรู้ความเข้าใจการใช้อุปกรณ์โมบิลิตี้อย่างสร้างสรรค์ ด้วยการจับดิจิตอล คอนเทนต์และอีบุ๊คของทีเค พาร์ค มาใส่ในเครื่อง Acer ICONIA TAB A500 พร้อมให้สมาชิกทีเค พาร์ค ได้ใช้งานฟรี และเสริมความรู้ให้กับสมาชิกด้วยการจัดหลักสูตรการใช้แทบเลตให้กับสมาชิก เพื่อบรรยากาศการเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์และทันสมัย
 ดร.ทัศนัย วงศ์พิเศษกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ และผู้อำนวยการสำนักงานอุทยานการเรียนรู้ กล่าวว่า นโยบายหลักของอุทยานการเรียนรู้ ทีเค พาร์ค คือการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านและการเรียนรู้ แสวงหาความรู้อย่างสร้างสรรค์ตลอดชีวิต ด้วยสื่อหลากหลายรูปแบบที่ไม่ได้มีแต่หนังสือเพียงอย่างเดียว ซึ่งการร่วมมือกับเอเซอร์ ในครั้งนี้ถือเป็นการยกระดับการบริการ และจะทำให้ผู้ที่รักการอ่านสามารถเข้าถึงเนื้อหาที่ทรงคุณค่าได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมให้คนไทยมีนิสัยรักการอ่านเพิ่มมากขึ้นในทางอ้อมอีกด้วย

ดร.ทัศนัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปัจจุบันเทคโนโลยีที่ก้าวไกลไม่ว่าจะเป็น ดิจิตอลคอนเทนต์ แอนิเมชั่น และมัลติมีเดีย ในประเทศไทยกำลังได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ และมีแนวโน้มที่จะก้าวต่อไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอุทยานการเรียนรู้ ทีเค พาร์ค รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่สามารถให้บริการดิจิตอลคอนเทนต์ผ่านอุปกรณ์ไอทีที่มีประสิทธิภาพสูงของเอเซอร์ ซึ่งถือเป็นช่องทางสำคัญอย่างหนึ่งที่จะทำให้คนไทยสามารถเข้าถึงการเรียนรู้ได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น สำหรับผู้ที่สนใจอ่านดิจิตอลคอนเทนต์ ของ ทีเค พาร์ค สามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่คลิกไปที่แอพพลิเคชั่นของ ทีเค พาร์ค ผ่าน  Acer ICONIA TAB A500 ก็จะสามารถเข้าถึงคอนเทนต์ต่าง ๆ ของ ทีเค พาร์ค ได้ทันที โดยภายในแอพลิเคชั่นนั้นถูกรวบรวมถึง 6 คอนเทนต์ ที่ได้รับความนิยมจากผู้อ่าน และมีคุณค่าต่อการเรียนรู้เอาไว้ด้วยกัน ได้แก่ คู่มือเกมสร้างสรรค์, นิทานพื้นบ้าน 3 ภาค, ชุดหนังสือวัตถุเล่าเรื่อง, คีตมหาราช, Music Library และหนังสือหายากที่รวบรวมผลงานทรงคุณค่าของแผ่นดินชุด ขุมทรัพย์ของแผ่นดินซึ่งทั้งนี้ผู้ที่สนใจสามารถเข้ามาลองใช้แอพพลิเคชั่นของทีเค พาร์ค หรืออ่านเนื้อหาสาระความรู้ต่าง ๆ ได้ตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม 2554 เป็นต้นไป โดยจะเปิดให้บริการทั้งหมดจำนวน 3 เครื่อง ณ ห้อง Mind Room อุทยานการเรียนรู้ ทีเค พาร์ค ชั้น 8 อีกด้วย

นายนิธิพัทธ์ ประวีณวงค์วุฒิ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวว่า หน้าที่หลักของเอเซอร์ในฐานะผู้นำด้านโททอล โมบิลิตี้ โซลูชั่นส์ (Total Mobility Solutions) คือสร้างโอกาสให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีให้ได้ และเติมเต็มทุกประสบการณ์ผ่านอุปกรณ์ไอที ผนวกกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันต่อข้อมูลข่าวสารและเทคโนโลยีมุ่งไปที่การแบ่งปันคอนเทนท์และประสบการณ์แบบเรียลไทม์ โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องอุปกรณ์ในการสื่อสาร เวลาและสถานที่ เปิดโอกาสให้  เอเซอร์และทีเค พาร์ค สามารถรังสรรค์การเรียนรู้ที่ทันสมัย โดยใช้ Acer ICONIA TAB A500 ของ     เอเซอร์ในการเข้าถึงดิจิตอล คอนเทนท์ ของทีเค พาร์คที่มีหลากหลายมากมายได้ที่ทีเค พาร์ค หรือลูกค้าที่ซื้อ Acer ICONIA TAB A500 ก็สามารถคลิกเข้าระบบห้องสมุดดิจิตอล ของทีเค พาร์คได้จากหน้าจอที่จะมีการตั้งค่าไว้ให้

นอกจากนั้นแล้ว เอเซอร์ยังให้ความร่วมมือกับทีเค พาร์ค ในการจัดหลักสูตรฝึกอบรมการใช้อุปกรณ์โมบิลิตี้หรือ แท็บเลตให้กับสมาชิกของทีเค พาร์คในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เพื่อให้สมาชิกที่มาทั้งครอบครัวสามารถใช้เวลาคุณภาพด้วยกัน  โดยทางเอเซอร์จะถ่ายทอดความรู้ด้านอุปกรณ์ให้กับทีมเจ้าหน้าที่ของทีเค พาร์ค และร่วมในการอบรมด้วย พร้อมกันนี้ทางเอเซอร์ได้มอบเครื่อง Acer ICONIA TAB A500 จำนวน 3 เครื่อง สำหรับใช้เป็นเครื่องมือในการเข้าถึงดิจิตอล คอนเทนท์ และสำหรับการฝึกอบรม เราหวังว่าความร่วมมือในครั้งนี้จำเติมเต็มความหมายของ ห้องสมุดมีชีวิต นายนิธิพัทธ์กล่าว