วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

อรูบ้า เน็ตเวิร์คส์ บรรลุข้อตกลงซื้อกิจการ อเวนด้า ซิสเต็มส์

อรูบ้า เน็ตเวิร์คส์ บรรลุข้อตกลงซื้อกิจการ อเวนด้า ซิสเต็มส์
เป้าหมายหลักเพิ่มศักยภาพ อรูบ้า โซลูชั่น Bring Your Own Device (BYOD) เพื่อองค์กรธุรกิจ

กรุงเทพฯ - 23 พฤศจิกายน 2554 – อรูบ้า เน็ตเวิร์คส์ อิงค์ (NASDAQ:ARUN) ประกาศการดำเนินการเซ็นสัญญาซื้อกิจการ บริษัท อเวนด้า ซิสเต็มส์ ผู้พัฒนาเครือข่ายโซลูชั่นการรักษาความปลอดภัยชั้นนำ ที่สร้างความมั่นใจในการเชื่อมต่อจากอุปกรณ์สื่อสารส่วนตัวไปยังเครือข่ายองค์กรธุรกิจ  ซึ่งโซลูชั่นดังกล่าวจะอำนวยความสะดวกในการพัฒนาและกำหนดนโยบายการใช้งานของโซลูชั่นการเชื่อมต่อจากอุปกรณ์ส่วนตัว (Bring Your Own Device: BYOD) ในสถานที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สำหรับโซลูชั่นของอเวนด้าจะเพิ่มความสามารถให้กับสถาปัตยกรรม MOVE (Mobile Virtual Enterprise)  ของอรูบ้ารวมถึงรองรับการใช้งานแบบโมบิลิตี้สำหรับองค์กรยุคใหม่ได้อย่างง่ายดายและปลอดภัย  ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการทำงานเข้าสู่รูปแบบโมบิลิตี้ คอมพิวติ้ง และการใช้งานบนระบบคลาวด์ 
นายไฮเทส เชท ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของอรูบ้า กล่าวว่า การซื้อกิจการครั้งนี้เป็นการเตรียมความพร้อมด้านพื้นฐานให้กับลูกค้าให้สามารถใช้งานระบบเครือข่ายได้ง่ายขึ้น บริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความสามารถในการวิเคราะห์ รวมถึงการรักษาความปลอดภัยให้กับผู้ใช้อุปกรณ์ส่วนตัวเชื่อมต่อระบบเครือข่ายองค์กร ซึ่งผู้ให้บริการระบบเครือข่ายแบบดั้งเดิมประสบกับอุปสรรคในการพยายามนำเสนอโซลูชั่นที่เหมาะสมในยุคโมบิลิตี้  ในการเผชิญกับปรากฏการณ์ความต้องการใช้อุปกรณ์สื่อสารส่วนตัวเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายองค์กร ทำให้แผนกไอทีขององค์กรจำเป็นต้องกำหนดนโยบาย และการควบคุมการเข้าถึงเครือข่ายจากอุปกรณ์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์สื่อสารส่วนตัวของพนักงาน ซึ่งการควบรวมครั้งนี้ระหว่างอรูบ้าและอเวนด้า จะเป็นการนำเสนอโซลูชั่นที่เหมาะสมให้กับลูกค้าได้อย่างดีเยี่ยม
สำหรับสถาปัตยกรรม MOVE ของอรูบ้าได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานแบบโมบิลิตี้ เพิ่มศักยภาพในการควบคุมการเข้าถึงเครือข่าย และการเข้าถึงข้อมูล ด้วยการกำหนดนโยบายตามประเภทอุปกรณ์ สถานะของผู้ใช้งาน และแอพพลิเคชั่นนวัตกรรม ที่ประกอบด้วยฟีเจอร์ที่หลากหลาย ซึ่งเป็นการเพิ่มระบบรักษาความปลอดภัย และสามารถรองรับทำงานบนเครือข่ายไร้สายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีโซลูชั่นของอเวนด้าที่เข้ามาช่วยเพิ่มศักยภาพการเข้าถึงเครือข่ายตามสภาพแวดล้อมและระบบการทำงานของอรูบ้า โดยใช้นโยบายกำหนดการเข้าถึงเครือข่าย เพื่อให้อุปกรณ์แต่ละประเภท หรืออุปกรณ์ของผู้ค้าแต่ละรายทำงานร่วมกันได้อย่างอิสระ และรองรับอุปกรณ์ใหม่ๆ ที่จะมีการติดตั้งเพิ่มขึ้น รวมถึงเจาะลึกโปรไฟล์ของแต่ละอุปกรณ์  เพื่อสร้างการเชื่อมต่อให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ อเวนด้ายังให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเครือข่ายเน็ตเวิร์ค 802.1X ได้ด้วยตัวเอง และให้ประสิทธิภาพการรักษาความปลอดภัยบนระบบปฏิบัติที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น iOS, Andriod, MacOS และ Windows ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้เชื่อมต่อเครือข่ายได้อย่างรวดเร็ว และเชื่อมต่ออุปกรณ์โมบายล์ใหม่ได้อย่างปลอดภัย โดยไม่จำเป็นต้องรอความช่วยเหลือจาก IT helpdesk สำหรับการให้บริการของอเวนด้าจะนำเสนอโซลูชั่นให้กับลูกค้าในประเทศ หรือให้บริการสมาชิกผ่านระบบคลาวด์
ทั้งหมดนี้เป็นเทคโนโลยีของโซลูชั่น BYOD ซึ่งไม่เพียงแต่จะสามารถทำงานแบบเมนสตรีมเท่านั้น แต่ยังสามารถขยายขอบเขตการทำงานให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นอีกด้วย 
การดำเนินการซื้อกิจการจะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาสที่ 2 ในปีงบประมาณของอรูบ้าในปี 2012 โดยสิ้นสุด ณ วันที่ 31 มกราคม 2012 ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการปิดการซื้อขายตามมาตรฐาน

เกี่ยวกับ อรูบ้า เน็ตเวิร์คส์ อิงค์
อรูบ้า เน็ตเวิร์คส์ เป็นผู้นำด้านการจัดหาโซลูชั่นระบบเครือข่ายยุคใหม่สำหรับองค์กรต่างๆ ด้วยสถาปัตยกรรม Mobile Virtual Enterprise (MOVE) ซึ่งผสานรวมโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายทั้งแบบใช้สายและแบบไร้สายเข้าด้วยกัน อย่างกลมกลืน เพื่อเชื่อมต่อสำนักงานใหญ่ สำนักงานสาขา บุคลากรที่ทำงานนอกสถานที่ และผู้ที่ไม่ใช่พนักงานในองค์กรนั้นๆ แนวทางการเข้าถึงระบบเครือข่ายแบบครบวงจรนี้จะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการทำ งาน ควบคู่ไปกับการลดค่าใช้จ่ายด้านการลงทุนและการดำเนินงานได้อย่างมาก
อรูบ้า จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ และหุ้นของบริษัทฯ รวมอยู่ในดัชนี Russell 2000® อรูบ้ามีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองซันนี่เวล มลรัฐแคลิฟอร์เนีย และเปิดดำเนินงานทั่วทวีปอเมริกา ยุโรป ตะวันออกกลาง และเอเชีย-แปซิฟิก หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชมเว็บไซต์ของอรูบ้าที่ http://www.arubanetworks.com และรับทราบข่าวอัพเดตเกี่ยวกับอรูบ้าได้จาก ทวิตเตอร์ และ เฟซบุ๊ค

วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2554

Digital Publishing Suite, Single Edition

อะโดบีเปิดตัว Digital Publishing Suite, Single Edition สนับสนุนแทบเล็ต พับบลิชชิ่ง
เทคโนโลยีอะโดบีลดต้นทุนการเผยแพร่คอนเทนต์บน iPad
กรุงเทพฯ  — 11 ตุลาคม 2554  ความคืบหน้าจากการประชุมเทคโนโลยี MAX 2011 บริษัท อะโดบี ซิสเต็มส์ (Nasdaq:ADBE) เปิดตัว Adobe® Digital Publishing Suite, Single Edition เพื่อช่วยให้ดีไซเนอร์อิสระและบริษัทออกแบบขนาดเล็กสามารถเผยแพร่เนื้อหาอินเทอร์แอคทีฟที่สร้างด้วยซอฟต์แวร์ Adobe InDesign® CS5.5 บน Apple iPad  ด้วยค่าธรรมเนียมเพียงแค่ US$395 ต่อโปรแกรม Single Edition นำเสนอเวิร์กโฟลว์แบบครบวงจรที่ยืดหยุ่นและประหยัดค่าใช้จ่ายสำหรับนักออกแบบที่ต้องการเผยแพร่แอพพลิเคชั่นแบบเผยแพร่ครั้งเดียว (single-issue) สำหรับการขายหรือแจกจ่ายผ่านทาง Apple App Store โดยไม่จำเป็นต้องเขียนโค้ดเพิ่มเติมแต่อย่างใด แต่สามารถใช้ทักษะและเวิร์กโฟลว์ที่มีอยู่เพื่อสร้างแอพพลิเคชั่นสำหรับ iPad จึงช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการพัฒนา ควบคู่ไปกับการควบคุมงานสร้างสรรค์อย่างครบวงจร
Single Edition ช่วยให้ผู้ใช้สามารถนำเสนอคอนเทนต์เช่น โบรชัวร์ หนังสือภาพ รายงานประจำปี หรืองานออกแบบส่วนบุคคล ในรูปแบบของแอพพลิเคชั่นสำหรับ iPad  ทั้งนี้ Single Edition เป็นส่วนขยายของกลุ่มผลิตภัณฑ์ Digital Publishing Suite โดยจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้ประโยชน์จากเวิร์กโฟลว์ Creative Suite® 5.5 เพื่อสร้างแอพพลิเคชั่นสำหรับ iPad  ขณะที่นักออกแบบจะสามารถเข้าใช้เทคโนโลยีที่หลากหลายสำหรับงานครีเอทีฟและสื่อสิ่งพิมพ์แบบเดียวกับที่สำนักพิมพ์ชั้นนำอย่างเช่น Condé Nast ใช้อยู่ เพื่อปฏิรูปสื่อสิ่งพิมพ์สำหรับการนำเสนอบนอุปกรณ์แทบเล็ต
อะโดบีช่วยลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการเผยแพร่คอนเทนต์และแอพพลิเคชั่นบน iPad” นายทอดด์ เทเรซี่ รองประธานและผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายโซลูชั่นสื่อของอะโดบี กล่าว การเพิ่ม Single Edition ให้กับกลุ่มผลิตภัณฑ์ Digital Publishing Suite แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของอะโดบีในการนำเสนอระบบดิจิตอลพับบลิชชิ่งให้แก่องค์กรธุรกิจทุกขนาด ตั้งแต่นักออกแบบอิสระ เรื่อยไปจนถึงบริษัทออกแบบขนาดเล็กและสำนักพิมพ์ระดับโลก
กลุ่มผลิตภัณฑ์ชุด Digital Publishing Suite รวมถึง Single Edition ใช้สำหรับการจัดพิมพ์เนื้อหาคอนเทนต์ที่ไม่ใช่นิตยสารและหนังสือพิมพ์แบบเดิมๆ โดยปัจจุบันมีสื่อสิ่งพิมพ์กว่า 700 เรื่องที่จัดพิมพ์ด้วย Enterprise Edition และ Professional Edition ของ Digital Publishing Suite วาง จำหน่ายอยู่ในตลาด ขณะที่องค์กรต่างๆ เริ่มตระหนักถึงคุณประโยชน์ของเนื้อหาคอนเทนต์บนอุปกรณ์แทบเล็ต และขยายความหลากหลายของสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ  เครื่องมือสำหรับการขาย สื่อสำหรับการส่งเสริมแบรนด์และการติดต่อสื่อสารกับลูกค้า เอกสารประกอบสำหรับผลิตภัณฑ์ เอกสารสำหรับการสื่อสารกับพนักงานและองค์กรที่จัดพิมพ์เผยแพร่ไปยังอุปกรณ์ แทบเล็ตช่วยเพิ่มคุณประโยชน์ทางด้านธุรกิจให้แก่องค์กรต่างๆ รวมทั้งขยายช่องทางรายได้ใหม่ๆ  Digital Publishing Suite เมื่อใช้งานร่วมกับซอฟต์แวร์ Adobe Creative Suite 5.5 จะช่วยให้นักออกแบบสามารถใช้ชุดเครื่องมือที่คุ้นเคย ควบคู่ไปกับการควบคุมงานออกแบบ สื่อสิ่งพิมพ์ และการหารายได้จากแอพพลิเคชั่นบนแทบเล็ตอย่างมีประสิทธิภาพ
ราคาและการวางจำหน่าย
Single Edition สำหรับ iPad คาดว่าจะวางจำหน่ายผ่านทางเว็บไซต์ www.adobe.com ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2554 โดยผู้ใช้จะสามารถจัดพิมพ์จาก InDesign CS5.5 ผ่านทาง Single Edition ไปยัง iPad ในอัตรา US$395 ต่อแอพพลิเคชั่น  นอกจากนี้ Single Edition จะสนับสนุนแพลตฟอร์มแทบเล็ตเพิ่มเติมในภายหลังในช่วงปี 2555  สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับราคาของ Single Edition, Professional Edition และ Enterprise Edition โปรดดูที่ คู่มือการซื้อ Digital Publishing Suite
การเผยแพร่แอพพลิเคชั่นบนแทบเล็ตเป็นไปตามข้อกำหนดและเงื่อนไข รวมถึงค่าธรรมเนียมสำหรับร้านค้า App Store หรือตลาดแอพพลิเคชั่นที่เกี่ยวข้อง

วันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2554

โนเกีย ซีเมนส์ เน็คเวิร์คส ชู "Liquid Net" ต่อยอดอนาคตบรอดแบนด์

โนเกีย ซีเมนส์ เน็คเวิร์คส ชู "Liquid Net" ต่อยอดอนาคตบรอดแบนด์

·   การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เพื่อแนวทางใหม่ในการจัดสรรทรัพยากรโครงข่ายอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ตอบโจทย์ความต้องการด้านบรอดแบนด์ที่ไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้

·   ส่งมอบบริการและคอนเทนท์ทั่วทั้งโครงข่ายได้อย่างลื่นไหลไม่สะดุด ทุกที่ ทุกเวลา

 

โนเกีย ซีเมนส์ เน็ตเวิร์คส ประกาศเปิดตัว "Liquid Net" โซลูชั่นใหม่ที่สนับสนุนอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ ซึ่งจะช่วยให้โอเปอเรเตอร์ติดตั้งเครือข่ายที่มีความสามารถในการปรับตัวให้พร้อมด้านความครอบคลุมของพื้นที่ให้บริการและการรองรับปริมาณการใช้งานที่เกิดจากความต้องการของลูกค้า นอกจากนี้ การนำเสนอโซลูชั่นใหม่ดังกล่าว  ยังมีจุดมุ่งหมายสำคัญเพื่อพัฒนาคุณภาพของบริการบรอดแบนด์ทั่วโลก เนื่องจาก "Liquid Net" จะช่วยโอเปอเรเตอร์ให้สามารถใช้อุปกรณ์และทรัพยากรที่มีอยู่ในโครงข่ายอยู่แล้วให้เกิดประโยชน์ได้เต็มที่ และยังสร้างแหล่งรายได้ใหม่ๆ ด้วย

 

การเติบโตอย่างรวดเร็วของบรอดแบนด์นั้น  หมายความว่า เครือข่ายจะต้องพร้อมรับมือกับความต้องการใช้ข้อมูลของผู้ใช้งาน ซึ่งปริมาณเฉลี่ยอยู่ที่มากกว่า 1 กิกะไบท์ต่อผู้ใช้ต่อวัน 1  ขณะเดียวกัน ความต้องการนี้ก็ยังมีแนวโน้มสูงว่าจะไม่สามารถคาดการณ์ได้  และยังมีความผันผวนระหว่างสถานที่ในเวลาใช้งานที่แตกต่างกัน ไปตามการใช้งานที่บ้าน ที่ทำงาน และระหว่างเดินทาง  โดยกล่าวได้ว่าการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันในการใช้บรอดแบนด์ ยังสามารถเกิดขึ้นได้เมื่อมีการเปิดตัวซอฟต์แวร์ใหม่ๆ สำหรับมือถือ  หรือมีการเปิดตัวเวอร์ชั่นอัพเดทของแอพพลิเคชั่นยอดฮิต รวมถึงบริการใหม่ๆ ที่โดดเด่นเป็นพิเศษ ซึ่งทั้งหมดนี้จะทำให้โอเปอเรเตอร์ไม่มีเวลาสำหรับการเตรียมตัว

 

มาร์ค โรอาน (Marc Rouanne)  หัวหน้ากลุ่มระบบเครือข่าย บริษัท โนเกีย ซีเมนส์ เน็ตเวิร์คส กล่าวว่า "ความจุของเครือข่ายยุคเดิมที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ถูกคำนวณไว้ตายตัวในแต่ละส่วนของโครงข่าย อย่างเช่น ในสถานีฐานแต่ละตัว ในเครือข่ายหลัก (core network) สำหรับข้อมูลเสียงหรือ data ในโครงข่ายใยแก้วความเร็วสูง (Optical Network) หรือโครงข่าย IP"

 

เขากล่าวอีกว่า "แต่ละส่วนก็มีโอกาสเกิดปัญหาคอขวดหรือการติดขัดของสัญญาณได้ ในกรณีที่มีความต้องการใช้บริการผ่านบรอดแบนด์จำนวนมากในเวลาเดียวกัน ขณะที่ความต้องการที่มากบ้าง น้อยบ้าง และไม่สามารถคาดการณ์ได้ในส่วนหนึ่งส่วนใดของเครือข่าย ก็จะหมายถึงยังมีความจุอีกจำนวนมหาศาลซึ่งไม่ได้ถูกใช้งานอยู่ในส่วนอื่นของโครงข่าย  ซึ่งทำให้สิ่งที่ลงทุนไว้ใช้งานได้ไม่คุ้มค่า ตัวอย่างเช่น ความจุของเครือข่ายหลักแบบดั้งเดิมอาจไม่ได้ใช้งานอยู่มากถึง 50% ดังนั้น "Liquid Net" จะช่วยปลดปล่อยความจุของเครือข่ายในส่วนที่ไม่ได้ใช้ให้ออกมาสู่แหล่งสำรองหรือบ่อพักที่สามารถไหลเข้าไปเติมเต็มความต้องการในจุดอื่นของโครงข่ายที่คาดการณ์ล่วงหน้าไม่ได้นั้น ไม่ว่าผู้ใช้งานมีการใช้บรอดแบนด์อยู่ที่ไหน และเมื่อไรก็ตาม"

 

ทั้งนี้ โนเกีย ซีเมนส์ เน็คเวิร์คส ได้พัฒนา "Liquid Net"2 เพื่อปลดปล่อยศักยภาพของโครงข่ายที่ไม่ได้ถูกใช้งานออกมา และสามารถนำมาใช้ได้ทันทีภายในเครือข่ายทั้งระบบ ไม่ว่าจะมีความต้องการใช้งานเกิดขึ้นตรงจุดไหนและเมื่อไร

 

"Liquid Net" มีการใช้ประโยชน์สูงสุดจากระบบปรับแต่งตัวเอง (self-adapting) และระบบอัตโนมัติ เพื่อนำเสนอบริการและคอนเทนท์ ที่มอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าจากความสามารถในการรับรู้ถึงสถานะการทำงานของเครือข่ายและแอพพลิเคชั่นที่ลูกค้ากำลังใช้งานอยู่ นอกจากนี้  "Liquid Net"  ยังช่วยจัดการช่องสัญญาณใน transport network เพื่อจัดส่งข้อมูลระหว่างสถานีในโครงข่ายโดยใช้ต้นทุนต่ำที่สุด

 

ไม่เพียงแต่ช่วยให้โอเปอเรเตอร์สร้างความภักดีจากลูกค้าได้เพิ่มขึ้น "Liquid Net" ยังสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ อีกด้วย

 

"Liquid Net" ได้รับการพัฒนาขึ้นบนหลักการของนวัตกรรม "Liquid Radio" จากโนเกีย ซีเมนส์ เน็ตเวิร์คส และมีการเพิ่มเติมคุณสมบัติการทำงานของ "Liquid Core"  และ "Liquid Transport"  ให้กับเครือข่าย ซึ่งโอเปอเรเตอร์สามารถเลือกติดตั้งเพียงบางส่วนในโครงข่ายที่มีซัพพลายเออร์หลายราย หรือจะเลือกติดตั้งทั้งระบบในทุกส่วนของโครงข่าย เพื่อนำประโยชน์ทุกด้านของ "Liquid Net" มาใช้ได้อย่างเต็มที่

ปีเตอร์ จาริช ผู้อำนวยการฝ่ายบริการ สำหรับโครงสร้างพื้นฐานของผู้ให้บริการ บริษัท เคอร์เรนท์ อะนาไลซิส กล่าวว่า "เมื่อ Liquid Radio ทำหน้าที่เข้าไปสนับสนุนในเรื่องการเพิ่มความจุและความยืดหยุ่นในส่วนของเครือข่ายสถานีฐาน หรือ Radio Access Network (RAN) ดังนั้น Liquid Net ก็น่าจะต่อยอดนำคุณสมบัติเดียวกันไปใช้กับโครงข่ายหลัก (core network) และ transport network  ซึ่งจะไม่จำกัดเฉพาะเรื่องการรองรับปริมาณการใช้งานข้อมูลของผู้ใช้งานเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการลงทุนในส่วนของค่าใช้จ่ายด้านการลงทุน (CAPEX) อีกด้วย"

 

"อาจเป็นข้อสำคัญที่สุดด้วยที่ Liquid Net  จะพูดถึงความจำเป็นสำหรับโซลูชั่นมากกว่าประเด็นตัวผลิตภัณฑ์ ในขณะที่แต่ละส่วนสามารถที่จะนำไปติดตั้งได้ในโครงข่ายที่มีซัพพลายเออร์หลายราย แต่การผสมผสานของ  Liquid Radio, Liquid Core และ Liquid Transport  ให้รวมอยู่ใน Liquid Net  จึงเป็นการพูดถึงความคิดแบบบูรณาการ ที่ครอบคลุมความต้องการและข้อวิตกของโอเปอเรเตอร์อย่างรอบด้าน"

 

ทั้งนี้ Liquid Radio, Liquid Core และ Liquid Transport  สามารถนำมาติดตั้งในเครือข่ายได้ทั้งแบบรวมกัน หรือแยกกัน เพื่อให้เครือข่ายมีศักยภาพ ความครอบคลุมและบริการ ที่มีความลื่นไหลไม่สะดุดในทุกเวลา ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับเครือข่ายที่ใช้อุปกรณ์จากซัพพลายเออร์หลายราย และแน่นอนว่า เมื่อโซลูชั่นนี้ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับโครงข่ายทั้งระบบ ดังนั้น การใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากความสามารถที่จะสนับสนุนบริการแบบลื่นไหลก็จะจะเกิดขึ้นได้จริง

 

พร้อมกันนี้ เขายังสรุปว่า "กล่าวโดยสรุปแล้ว ยิ่งมีความคิดของการให้บริการได้อย่างไม่สะดุด ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้งานได้มากเท่าไร ก็ยิ่งดีขึ้นเท่านั้น"

วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2554

Acer BIG BOOM SALE

บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด ผู้นำอันดับหนึ่งในตลาดคอมพิวเตอร์โดยรวมในประเทศไทย จัดราคาโปรโมชั่นพร้อมเพิ่มความพิเศษกว่างานใด เพียงซื้อโน้ตบุ๊กหรือเดสก์ท๊อปทุกรุ่น รับฟรี!!! ประกันนาน 2 ปี พร้อมตรวจเช็คสภาพเครื่องฟรีและรับส่วนลดค่าอะไหล่ทันที 15% ที่เอเซอร์ แคร์ทุกสาขา เมื่อซื้อสินค้าในงาน Acer BIG BOOM SALE ตั้งแต่วันนี้ – 4 ก.ย. นี้ ที่ตัวแทนจำหน่ายเอเซอร์ทั่วประเทศ และลงทะเบียนรับประกันตัวเครื่องผ่านเว็บไซต์ http://register.co.th/webregis ภายในวันที่ 16 ก.ย. ศกนี้

 พิสูจน์สินค้าราคาพิเศษสุดกว่าทุกงาน ห้ามพลาด!!!

    All-in-One Desktop - Acer Aspire Z3760-212G1T2Mi/9001 หน้าจอ Full HD TFT LCD 21.5” มาพร้อมกับซีพียู Intel® Core™ i3-2100 Processor (3.1GHz, 3MB L3 Cache) ฮาร์ดดิสก์ SATA 1TB, RAM DDR3 2GB และ DVD SuperMulti พร้อมไวเลสแลนด์ บลูทูธ และคีย์บอร์ดพร้อมเมาส์ไร้สาย ตัวเครื่องติดตั้งกล้อมพร้อมไมโครโฟนในตัว จำหน่ายในราคาสุดพิเศษเพียง 19,900 บาท (ราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%) จากราคาเดิม 22,500 บาท พร้อมกับฟรี วารันตีอุปกรณ์และ

อะไฟล่ฟรี 3 ปีเต็ม และTrend Micro Internet Security มูลค่า 890 บาท ฟรี!!!

     Notebook Acer Aspire Timeline X 4830G-2312G64Mnbb/C005_Brushed Metal Blue   หน้าจอ HD 14” LED 16:9 มาพร้อมกับซีพียู Intel® Core™ i3-2310M Processor (2.1GHz, 3MB L3 Cache, DDR3 1333MHz) ฮาร์ดดิสก์ 640GB, RAM DDR3 2GB และ DVD SuperMulti พร้อมการ์ดจอ NVIDIA® GeForce®  GT540M 1GB จำหน่ายในราคาพิเศษเพียง 19,900 บาท (ราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%) พร้อมรับ RAM 4GB มูลค่า 1,490 บาท ฟรี!!! ทันที  

    Notebook Acer Aspire 4755G Series รุ่นใหม่ล่าสุด กับหน้าจอ HD 14” LED 16:9 มาพร้อมกับซีพียู Intel® Core™ i5-2410M Processor (2.3GHz with Turbo Boost up to 2.9GHz) ฮาร์ดดิสก์ 750GB, RAM DDR3 4GB และ DVD SuperMulti พร้อมการ์ดจอ NVIDIA® GeForce®  GT540M 1GB จำหน่ายในราคาพิเศษเพียง 21,300 บาท (ราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%)

     Notebook Acer Aspire 4750-2312G50 Mnkk  หน้าจอ HD 14” LED 16:9 มาพร้อมกับซีพียู Intel® Core™ i3-2310M Processor 2.1GHz ฮาร์ดดิสก์ 500GB, RAM DDR3 2GB และ DVD SuperMulti พร้อมการ์ดจอ NVIDIA® GeForce®  GT540M 1GB จำหน่ายในราคาพิเศษเพียง 14,900 บาท (ราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%)

    Notebook Acer Aspire 4350-B802G64 หน้าจอ HD 14” LED 16:9 มาพร้อมกับซีพียู Intel® Dual Core B800 Processor ฮาร์ดดิสก์ 640GB, RAM DDR3 2GB และ DVD SuperMulti จำหน่ายในราคาพิเศษสุดๆ เพียง 11,900 บาท (ราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%)

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เอเซอร์ คอลล์ เซ็นเตอร์ ที่เบอร์โทรศัพท์ 0 2685 4311 หรือติดต่อสอบถามด้านเทคนิคที่เบอร์โทรศัพท์ 0 2685 4355 หรือคลิกไปที่ www.acer.co.th

Google เปิดสำนักงานประจำประเทศไทย

Google เปิดสำนักงานประจำประเทศไทย ยกระดับการบริการสำหรับผู้ใช้และผู้ลงโฆษณา
ทีมไทยมุ่งเพิ่มการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต นำเสนอนวัตกรรม สนับสนุนการสร้างเนื้อหาภาษาไทย
และช่วยเหลือธุรกิจไทย

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – 24 สิงหาคม 2554 – Google ประกาศแผนการลงทุนเพิ่มเติมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยการเปิดสำนักงานสาขาแห่งใหม่ในกรุงเทพฯ ซึ่งนับเป็นการเปิดสำนักงานประจำประเทศแห่งที่สองในปี 2554  สำนักงานแห่งใหม่นี้คืออีกก้าวย่างหนึ่งที่สำคัญสำหรับ Google ในการนำเสนอแพลตฟอร์มชั้นนำระดับโลก อย่างโฆษณาออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพ พร้อมด้วยบริการเว็บเซอร์วิสต่างๆ และประสบการณ์ในการค้นหาข้อมูลอย่างเหนือชั้นสำหรับผู้ใช้ ผู้ลงโฆษณา รวมถึงคู่ค้าและพันธมิตรธุรกิจ โดยรองรับภาษาไทยได้อย่างสมบูรณ์แบบ

เมื่อ 6 เดือนที่แล้ว ประเทศไทยมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตราว 20 ล้านคน ณ วันนี้ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มเป็น 25 ล้านคน สอดคล้องกับผลการวิจัยจากบริษัท นีลเส็น (Nielsen) และสถิติล่าสุดจากศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์

และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) เนื่องจากผู้ใช้ชาวไทยเชื่อมต่อออนไลน์เพิ่มมากขึ้นทุกวัน ดังนั้นโอกาสที่คนไทยจะได้รับรู้ถึงประโยชน์ที่แท้จริงของอินเทอร์เน็ตก็เพิ่มขึ้นด้วย ไม่ว่าจะใช้เป็นวิธีหนึ่งในการติดต่อสื่อสาร แบ่งปันข้อมูลและเรื่องราว แสดงความเป็นตัวเองออกสู่สังคมระดับโลก หรือใช้เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเป็นแพลตฟอร์มที่จะช่วยให้องค์กรธุรกิจและผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้า และขยายธุรกิจสู่ตลาดโลกได้ด้วย

"เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งสำหรับการจัดตั้งบริษัทสาขาใหม่ล่าสุดในเมืองไทย ซึ่งเป็นประเทศที่มีบุคลากรคุณภาพสูง เต็มไปด้วยความสามารถ ความสร้างสรรค์ และความชำนาญในการให้บริการแก่ผู้ใช้ชาวไทย รวมถึงลูกค้าและพาร์ทเนอร์ ที่มีคุณค่ามากสำหรับองค์กรของเรา และมอบคุณประโยชน์ให้แก่สังคมไทย" จูเลียน เพอร์ซูด กรรมการผู้จัดการ Google เอเชียตะวันออกเฉียงใต้กล่าว

เมื่อเรานำความคิดสร้างสรรค์และความมุ่งมั่นของไทยมารวมกับพลังของเว็บ อะไรก็เป็นจริงขึ้นมาได้อย่างไร้ขีดจำกัด Google มองเห็นศักยภาพของไทยในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งนับเป็นภูมิภาคที่เติบโตเร็วที่สุดในเอเชีย-แปซิฟิก และเอเชีย-แปซิฟิกก็มีอัตราการเติบโตสูงที่สุดในโลก

นายอริยะ พนมยงค์ หัวหน้าฝ่ายธุรกิจประจำประเทศไทยคนใหม่ของ Google กล่าวว่า “ผมรู้สึกดีใจมากที่ได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นจากลูกค้าและพาร์ทเนอร์ที่เรามีอยู่แล้วในเมืองไทย ในนามของทีมไทย ผมต้องขอขอบคุณทุกๆ ท่านโดยเฉพาะผู้ใช้ชาวไทยไว้ ณ ที่นี้ ความไว้วางใจที่คนไทยมีต่อผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีของ Google เป็นสิ่งลํ้าค่าสำหรับเรา  Google รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ทราบว่าผลิตภัณฑ์ของเราส่งผลดีต่อชีวิตของผู้คน ไม่ว่าเราจะทำอะไรต่อไปในอนาคต ก็จะยังคงมุ่งมั่นให้บริการที่เป็นเลิศแก่ผู้ใช้ และเชื่อว่าสิ่งดีอื่นๆ ก็จะตามมาเองในที่สุด”

การเปิดตัวสำนักงานของ Google ในเมืองไทยสอดคล้องกับนโยบายของ Google ในการขยายธุรกิจในต่างประเทศ รวมถึงความพยายามในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับท้องถิ่นของไทย เพื่อเพิ่มความสะดวกในการทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น Google Maps, Google News และ Google Translate  ตอนนี้ Google กำลังเปิดรับสมัครพนักงานสำหรับตำแหน่งงานต่างๆ ในเมืองไทย  ผู้ที่สนใจสมัครสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์

http://www.google.co.th/intl/en/jobs/ 

วันพฤหัสบดีที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2554

“ธุรกิจไทย Go Online”

 ธุรกิจไทยทุบสถิติก้าวสู่โลกออนไลน์ ทะลุ 20,000 ราย ภายใน 30 วันแรก
โครงการ “ธุรกิจไทย Go Online” ต้อนรับพันธมิตรใหม่ รองรับกระแสออนไลน์มาแรง

29 กรกฎาคม 2554 - กรุงเทพฯ ประเทศไทย: ผู้ประกอบการชาวไทยหลายพันราย แห่ร่วมงานมหกรรม “ธุรกิจไทย Go Online” ครั้งแรกสำหรับภาคกลาง เพื่อสร้างเว็บได้ง่าย เร็ว และฟรี พร้อมรับการบริการตรวจสุขภาพเว็บไซต์ งานสัมมนาเติมเต็มข้อมูล และเทคนิคบนโลกออนไลน์จากพันธมิตร และผู้เชี่ยวชาญชื่อดังแบบครบวงจร

งานมหกรรมนี้เป็นการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องของโครงการ ธุรกิจไทย Go Online ทีมีวัตถุประสงค์ ช่วยเหลือธุรกิจในเมืองไทยกว่า 50,000 รายก้าวเข้าสู่โลกออนไลน์ และขยายกิจการให้เติบโตอย่างยั่งยืน

คุณพรทิพย์ กองชุน หัวหน้าฝ่ายการตลาดประจำประเทศไทย Google เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวในฐานะหัวหน้าโครงการฯ ว่า “หลังเปิดตัวโครงการ ธุรกิจไทย Go Online เพียง 1 เดือน มีธุรกิจทั่วประเทศสนใจเข้าร่วมโครงการฯ แล้วกว่า 20,000 ราย โดยมีเว็บไซต์จำนวน 10,000 เว็บ ที่สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นการตอบรับอย่างดี และเกินกว่าที่เราคาดไว้ในระยะเวลาอันสั้น”

คุณพรทิพย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับงานมหกรรม ธุรกิจไทย Go Online ที่จัดขึ้นเป็นครั้งเเรกที่กรุงเทพฯในวันนี้  ถือเป็นการตอกย้ำการสนับสนุนอย่างจริงจัง เพื่อเปิดโอกาสให้ธุรกิจได้มีตัวตนบนโลกออนไลน์ เพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูล และทลายกำแพงความกังวลใจในการทำเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็นการลงมือสร้างเว็บไซต์ด้วยตัวเอง เริ่มต้นซื้อขายผ่านทางออนไลน์ การถ่ายรูป และจัดส่งสินค้า หรือการให้คำปรึกษาอย่างเต็มรูปแบบ เเละต่อเนื่อง ตลอดจนเคล็ดลับต่างๆ จากผู้เชี่ยวชาญ ที่มีพร้อมในงานนี้ โดยตั้งเป้าผู้เข้าร่วมงาน 3,000 คนต่อวัน Google และพันธมิตรวางแผนจัดงาน มหกรรม ธุรกิจไทย Go Online เพิ่มในแต่ละภูมิภาคเร็วๆ นี้ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้าถึงของกลุ่มธุรกิจที่สนใจ”

รูปแบบของงานมหกรรม ธุรกิจไทย Go Online
1.) สำหรับผู้ที่ต้องการสร้างเว็บ (Web Consultation)
●    จดชื่อเว็บและทำเว็บไซต์ฟรี  - ผู้เชี่ยวชาญจะให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดแบบตัวต่อตัว
●    ถ่ายรูปสินค้าและอัปโหลดขึ้นเว็บทันที - นำสินค้ามาถ่ายรูปกับมืออาชีพในสตูดิโอ พร้อมให้อัปโหลดตกแต่งเว็บไซต์ฟรี
●    แนะนำการทำเว็บไซต์อย่างมืออาชีพ - ให้คำแนะนำโดยผู้เชี่ยวชาญในการวางโครงสร้างเว็บ การจัดวางและตกแต่งให้เว็บสวยงาม เพิ่มองค์ประกอบต่างๆ เพื่อการขายออนไลน์

2.) สำหรับผู้มีเว็บไซต์แล้ว (Web Clinic)
●    ตรวจสุขภาพเว็บไซต์ - Health check up เว็บไซต์ของคุณพร้อมแนะนำการรักษาจากผู้เชี่ยวชาญของสมาคมผู้ดูแลเว็บไทย
●    โปรโมทเว็บไซต์ไปยังลูกค้า - เรียนรู้การทำโปรโมทเว็บไซต์ด้วยเครื่องมือต่างๆ
●    ลูกค้าค้นเมื่อไหร่ก็ต้องเจอ - เคล็ดลับในการโปรโมทด้วย Search Engine Marketing และทดลองการโฆษณาด้วย Google AdWords รับเครดิตเพื่อเริ่มต้น มูลค่า 3,000 บาท ฟรี
●    รับคำปรึกษาในการทำ eCommerce - คุยกับผู้เชี่ยวชาญในด้านการจัดส่งสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ การซื้อขายออนไลน์ และการจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น
●    ปรึกษากันอย่างใกล้ชิดกับรุ่นพี่เก๋าๆ ที่ประสบความสำเร็จในการนำ ONLINE มาเสริมสร้างธุรกิจ

3.) ส่วนของงานสัมมนาให้ความรู้และเคล็ดลับความสำเร็จ
●    GO ONLINE โอกาสใหม่ผู้ประกอบการไทย
●    โปรโมทเว็บเพิ่มลูกค้า
●    เสวนาเคล็ดลับสู่ความสำเร็จ
●    SME ตีแตก กลยุทธ์ ONLINE

โครงการของ Google ที่ส่งเสริมให้ธุรกิจทั่วโลก Go Online ได้ให้ความช่วยเหลือแก่องค์กรธุรกิจ ในหลายประเทศทั้งทวีปยุโรป เอเชีย และละตินอเมริกา ผู้ประกอบการชาวไทยที่สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้ที่ www.goonline.in.th หรือโทร 0 2257 7299

เกี่ยวกับบริษัท Google Inc
นวัตกรรมเทคโนโลยีการค้นหาของ Google เชื่อมโยงผู้ใช้หลายล้านคนทั่วโลกเข้ากับข้อมูลต่างๆ
ในแต่ละวัน  Google ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2541
โดยนักศึกษาปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด แลร์รี่ เพจ และเซอร์เกย์ บริน
และปัจจุบัน Google เป็นทรัพย์สินบนเว็บที่มีมูลค่าสูงสุดในตลาดสำคัญๆ ทุกตลาดทั่วโลกโปรแกรมการโฆษณาแบบเจาะกลุ่มเป้าหมายของกูเกิลช่วยให้องค์กรธุรกิจทุกขนาดได้รับผลตอบแทน
ทางธุรกิจที่สามารถวัดได้ทั้งยังช่วยปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานเว็บโดยรวมอีกด้วย 
Google มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ซิลิคอนวัลเลย์
และมีสำนักงานสาขาในทวีปอเมริกา ยุโรป และเอเชีย
 หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชม http://www.google.co.th


Acer Home Entertainment Projector H5360BD

Acer Home Entertainment Projector H5360BD
สมจริง เต็มอิ่มกับประสบการณ์การนำเสนอในระบบ 3D
 
           บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด เปิดตัว Acer Projector H5360BD โปรเจคเตอร์ DLP ที่ให้ความคมชัดของภาพฉาย
ในระดับ Hi Definition พร้อมเทคโนโลยีรองรับระบบ 3D ทั้ง DLP และ NVDIA 3D Vision Ready ผ่าน HDMI 1.4a ที่ทำให้คุณสัมผัสความบันเทิงแบบ 3D ได้อย่างสมบูรณ์แบบ โลดแล่นไปกับประสบการณ์ความบันเทิงรูปแบบใหม่ ให้คุณเข้าสู่ความสนุกตื่นเต้นกว่าเคย ด้วยความละเอียดในการแสดงผลระดับ 720p (1280 x 720) พร้อมความเร็วในการนำเสนอภาพ 24 เฟรม/วินาที ช่วยให้ภาพต่อเนื่อง ไม่มีสะดุด, อัตราความคมชัด 3200:1, ความสว่าง 2500 ANSI Lumens พร้อมเทคโนโลยีแสดงผล Acer ColorBoost II+ให้ความคมชัด สีสันสดใสอย่างเป็นธรรมชาติ และ Acer ColorSafe II รักษาคุณภาพสีตลอดอายุการใช้งาน อายุการใช้งานหลอดภาพยาวนานถึง 3,000 ชั่วโมง ประหยัดพลังงานด้วยโหมด Auto Shutdown ที่ช่วยในการปิดเครื่องอัตโนมัติ รองรับทุกการเชื่อมต่อด้วยพอร์ท D-Sub, Composite Video, S-Video, Component, HDMI, PC Audio. Acer Projector H5360BD ราคาเริ่มต้นที่ 33,900 บาท (รวม VAT 7%) สำหรับลูกค้าที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ได้ที่ตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์เอเซอร์ทั่วประเทศ หรือ เอเซอร์ คอลล์ เซ็นเตอร์ โทรศัพท์ 02-685-4311 หรือคลิกไปที่ www.acer.co.th

Acer ICONIA TAB A501

 เอเซอร์ เพิ่มความแรง แท็บเลตผนวก 3G
กับ Acer ICONIA TAB A501

บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด เปิดตัว Acer ICONIA TAB A501 ที่ควงคู่มากับ Honeycomb 3.0 ให้คุณได้เพลิดเพลินกับแอพพลิเคชั่นที่หลากหลาย กับความแรงระดับ 3G พร้อมด้วยหน้าจอสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว กับหน่วยประมวลผลแบบดูอัลคอร์ NVidia Tegra 250 Dual Core 1GHz ความละเอียดหน้าจอ 1280x800 พิกเซล โดยให้คุณสัมผัสกับความบันเทิงในระดับ HD ไม่ว่าจะเป็นการเล่นไฟล์วิดีโอ HD ที่ 720p ติดตั้งกล้องหลัง ความละเอียด 5 MP พร้อม Flash รองรับการบันทึก HD 720P Video และกล้องหน้า ความละเอียด 2 MP รองรับ Video Conference และ Gyrosersor เพื่อการเล่นเกมส์อย่างไร้ขีดจำกัด พร้อมหน่วยจัดเก็บความจุสูงถึง 32GB และพอร์ทเชื่อมต่อครบ มาพร้อมกับดีไซน์เท่ห์ๆด้วย Aluminum Unibody Casing ให้คุณสัมผัสประสบการณ์ใหม่ของการท่องเว็บ เล่น Facebook, YouTube และเกมส์ผ่านการเชื่อมต่อ Wi-fi 802.11 b/g/n พร้อมแชร์ข้อมูลได้ทุกที่ผ่าน Clear.fi สนนราคาอยู่ที่ 20,900 บาท (ราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%) พร้อมประกันอุบัติเหตุ โจรกรรม และก่อการร้าย มูลค่า 3,500 บาท ฟรี!!! 1 ปีเต็ม สำหรับลูกค้าที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์เอเซอร์ทั่วประเทศ หรือ เอเซอร์ คอลล์ เซ็นเตอร์ โทรศัพท์ 02-685-4311 หรือคลิกไปที่ www.acer.co.th

Acer Aspire 4755 series อีกหนึ่งความลงตัว


Acer Aspire 4755 series อีกหนึ่งความลงตัว
ฉีกกฏแห่งสีสัน ในสไตล์ Modernassic

บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด อวดโฉม Acer Aspire 4755 Series สีสันใหม่แห่งโน๊คบุ๊ค ล้ำสมัยด้วยดีไซน์ Modernassic (Modern + Classic) ที่ผสมผสานความลงตัวระหว่างความทันสมัยกับสไตล์คลาสสิค หน้าจอ 14 นิ้ว โดนใจกับสีสันที่มีให้เลือกถึง 4 สี 4 สไตล์ ได้แก่ ดำ (Black), เขียว (Olive), น้ำตาล (Copper) และ แดง (Burgundy) รองรับการใช้งานและความบันเทิงเต็มรูปแบบด้วยซีพียู Intel® Core 2nd Generation เสริมทัพความแรงกราฟฟิกในการดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมส์ กับ NVIDIA® GeForce® GT540 ด้วยความเร็ว 2GB VRAM พร้อมฮาร์ดดิสก์สูงสุดถึง 750 GB หน่วยความจำ DDR3 สูงสุด 8GB พร้อมติดตั้ง Acer Crystal Eye 1.3 MP Webcam ให้คุณภาพเสียงเต็มอิ่มสมจริงด้วยระบบ Dolby Advanced Audio V2. ครบครันด้วยฟังก์ชันการใช้งานกับ Touchpad แบบ Multi Gesture และปุ่ม Chiclet Keyboard ให้ความสะดวกสบายในการพิมพ์ ทำความสะอาดได้ง่าย พร้อมรองรับทุกการเชื่อมต่อไม่ว่าจะเป็น HDMITM Port, Dolby 2.0 Advance, Acer InviLink Nplify 802.11b/g/n Wi-Fi CERTIFIDE, 10/100/1000Mbps LAN, BlueTooth และ USB 3.0. และเพิ่มความมั่นใจในคุณภาพที่เพิ่มการรับประกันสินค้านานถึง 2 ปี. Acer Aspire 4755 Series พร้อมให้สัมผัสและจับจองแล้ววันนี้ ในราคาเริ่มต้น 15,900 บาท (ไม่รวม Vat 7%) พร้อมประกันอุบัติเหตุ โจรกรรม และก่อการร้าย มูลค่า 3,500 บาท ฟรี!!! 1 ปีเต็ม สำหรับลูกค้าที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์เอเซอร์ทั่วประเทศ หรือ เอเซอร์ คอลล์ เซ็นเตอร์ โทรศัพท์ 02-685-4311 หรือคลิกไปที่ www.acer.co.th

วันอังคารที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2554

Oracle Exastack Program

ออราเคิลเปิดตัวโครงการ Oracle Exastack Program สำหรับพันธมิตรด้านซอฟต์แวร์
เปิดโอกาสให้ผู้ผลิตซอฟต์แวร์ใช้โครงสร้างพื้นฐานแบบครบวงจรเพื่อนำเสนอแอพพลิเคชั่นที่ปรับแต่งและปรับปรุงเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด

เพื่อให้ผู้ผลิตซอฟต์แวร์อิสระ (Independent Software Vendor - ISV) และสมาชิกอื่นๆ ในเครือข่ายคู่ค้าของออราเคิล (Oracle Partner Network - OPN) สามารถสร้างและนำเสนอแอพพลิเคชั่นที่รวดเร็วขึ้นและมีเสถียรภาพมากขึ้นแก่ลูกค้า ออราเคิลจึงได้เปิดตัวการรับรอง Oracle Exastack Ready ซึ่งพร้อมใช้งานแล้ว และ Oracle Exastack Optimized ซึ่งจะเริ่มใช้งานช่วงปลายปี 2554 ผ่านทางเครือข่าย OPN
โครงการ Oracle Exastack Program มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ผลิตซอฟต์แวร์ที่ต้องรันโซลูชั่นของตนบนแพลตฟอร์ม Oracle Exadata Database Machine และ Oracle Exalogic Elastic Cloud ซึ่งเป็นระบบแบบครบวงจรที่มีการปรับแต่งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ให้ทำงานร่วมกันได้อย่างกลมกลืน  ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ช่วยให้พันธมิตรและคู่ค้ามีโครงสร้างพื้นฐานราคาประหยัดที่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพสำหรับเวิร์กโหลดฐานข้อมูลและแอพพลิเคชั่นบนสภาพแวดล้อมที่ติดตั้งไว้ภายในองค์กรและบนแพลตฟอร์มคลาวด์  พันธมิตรที่ได้รับการรับรอง Oracle Exastack Ready หรือ Oracle Exastack Optimized ภายใต้โครงการ Oracle Exastack Program จะสามารถใช้ทรัพยากร OPN เพื่อปรับปรุงแอพพลิเคชั่นให้ทำงานได้รวดเร็วขึ้นและมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้แก่ผู้ใช้
ด้วยการติดตั้งแอพพลิเคชั่นไว้บน Oracle Exadata Database Machine และ Oracle Exalogic Elastic Cloud ผู้ผลิตซอฟต์แวร์อิสระจะสามารถลดค่าใช้จ่าย ระยะเวลา และความยุ่งยากซับซ้อนในการให้บริการสนับสนุน ซึ่งโดยทั่วไปแล้วมักจะเกี่ยวข้องกับการสร้างและบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐานแอพพลิเคชั่นที่แยกต่างหาก ช่วยให้ ISV สามารถทุ่มเทความพยายามให้กับงานในส่วนหลักๆ เพิ่มความรวดเร็วในการสร้างสรรค์นวัตกรรม และนำเสนอคุณประโยชน์ที่เหนือกว่าให้แก่ลูกค้า
หลังจากที่แอพพลิเคชั่นได้รับการรับรอง Oracle Exastack Ready แล้ว ผู้ผลิตซอฟต์แวร์จะสามารถแจ้งแก่ลูกค้าว่าแอพพลิเคชั่นของตนสามารถใช้งานร่วมกับ Oracle Exadata Database Machine และผลิตภัณฑ์ Oracle Exalogic Elastic Cloud เช่น Oracle Solaris, Oracle Linux, Oracle Database และ Oracle WebLogic Server  ลูกค้าจะมั่นใจได้ในแอพพลิเคชั่น Oracle Exastack Optimized จากผู้ผลิตซอฟต์แวร์ที่เป็นพันธมิตรของออราเคิล เพราะแอพพลิเคชั่นดังกล่าวได้รับการปรับแต่งโดยสมาชิก OPN บน Oracle Exadata Database Machine หรือ Oracle Exalogic Elastic Cloud โดยมีเป้าหมายเพื่อนำเสนอความเร็ว ความยืดหยุ่นในการปรับขนาด และเสถียรภาพสูงสุด
•    พันธมิตรและคู่ค้าที่เข้าร่วมใน Oracle Exastack Program จะสามารถใช้ประโยชน์จากแอพพลิเคชั่น Oracle Exastack Ready และ Oracle Exastack Optimized เพื่อต่อยอดสู่ระดับ Platinum หรือ Diamond ใน OPN

โครงการ Oracle Exastack Program มอบโครงสร้างพื้นฐานแอพพลิเคชั่นประสิทธิภาพสูงแก่ ISV
โครงการ Oracle Exastack Program ช่วยให้ ISV มีทางเลือกที่หลากหลายสำหรับการรับรองและปรับแต่งแอพพลิเคชั่นโดยอาศัย Oracle Exastack รวมถึง:
o    Oracle Exastack Ready: Oracle Exastack Ready เปิดโอกาสให้พันธมิตรที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่กำหนดรับสิทธิประโยชน์ทางด้านแบรนด์และโปรโมชั่นที่เฉพาะเจาะจงโดยอ้างอิงจากการปรับใช้ผลิตภัณฑ์ของออราเคิล  หากแอพพลิเคชั่นของพันธมิตรรองรับผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ล่าสุด ก็จะสามารถใช้โลโก้ที่เกี่ยวข้องในเอกสารด้านการตลาดสำหรับแอพพลิเคชั่นดังกล่าว โดยโลโก้ที่ว่านี้ได้แก่ Oracle Solaris Ready, Oracle Linux Ready, Oracle Database Ready และ Oracle WebLogic Ready  ทั้งนี้ Oracle Exastack Ready พร้อมใช้งานสำหรับสมาชิก OPN ระดับ Gold ขึ้นไป  นอกจากนั้น สมาชิก OPN ที่เข้าร่วมในโครงการจะสามารถใช้แอพพลิเคชั่น Oracle Exastack Ready เพื่อพัฒนาสู่ระดับ Platinum หรือ Diamond ในโครงการ OPN Specialized และพัฒนาสู่สถานะ Oracle Exastack Optimized
Oracle Exastack Optimized: When available, for OPN members at
Oracle Exastack Optimized:  เมื่อพร้อมใช้งานสำหรับสมาชิก OPN ระดับ Gold ขึ้นไป Oracle Exastack Optimized จะรองรับการเข้าถึงโดยตรงสำหรับทรัพยากรด้านเทคนิคของออราเคิล รวมถึงห้องแล็บ Oracle Exastack ดังนั้นสมาชิก OPN จึงสามารถทดสอบและปรับแต่งแอพพลิเคชั่นของตนเพื่อนำเสนอประสิทธิภาพสูงสุดและความยืดหยุ่นในการปรับขนาดบน Oracle Exadata Database Machine หรือ Oracle Exalogic Elastic Cloud  ทั้งนี้ Oracle Exastack Optimized จะช่วยให้สมาชิก OPN ได้รับสิทธิประโยชน์ทางด้านแบรนด์และโปรโมชั่น รวมถึงการใช้โลโก้ Oracle Exastack Optimized  นอกจากนี้ สมาชิก OPN ที่เข้าร่วมในโครงการจะสามารถใช้แอพพลิเคชั่น Oracle Exastack Optimized เพื่อพัฒนาสู่ระดับ Platinum หรือ Diamond ในโครงการ OPN Specialized
ห้องแล็บ Oracle Exastack และการเพิ่มขีดความสามารถให้กับ ISV: สภาพแวดล้อมห้องแล็บ Oracle Exastack และทรัพยากรด้านเทคนิคที่เกี่ยวข้อง (รวมถึงเส้นทางการเรียนรู้ภายใต้คำแนะนำ และ Boot Camp) จะพร้อมใช้งานผ่านทาง OPN สำหรับสมาชิก OPN เพื่อเพิ่มพูนความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ Oracle Exastack และรับรองแอพพลิเคชั่นสำหรับ Oracle Exastack Optimized หรือ Oracle Exastack Ready  ห้องแล็บ Oracle Exastack จะพร้อมใช้งานสำหรับการรับรองคุณสมบัติของสมาชิก OPN ที่ระดับ Gold ขึ้นไป
คู่ค้ามีสิทธิ์ที่จะเข้าร่วมในโครงการ Oracle Exastack Ready ในทันที ซึ่งจะช่วยให้สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดสำหรับการพัฒนาสู่สถานะ Oracle Exastack Optimized ในอนาคต  แนวทางสำหรับ Oracle Exastack Optimized รวมถึงห้องแล็บ Oracle Exastack จะพร้อมใช้งานในช่วงปลายปี 2554