วันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2554

โนเกีย ซีเมนส์ เน็คเวิร์คส ชู "Liquid Net" ต่อยอดอนาคตบรอดแบนด์

โนเกีย ซีเมนส์ เน็คเวิร์คส ชู "Liquid Net" ต่อยอดอนาคตบรอดแบนด์

·   การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เพื่อแนวทางใหม่ในการจัดสรรทรัพยากรโครงข่ายอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ตอบโจทย์ความต้องการด้านบรอดแบนด์ที่ไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้

·   ส่งมอบบริการและคอนเทนท์ทั่วทั้งโครงข่ายได้อย่างลื่นไหลไม่สะดุด ทุกที่ ทุกเวลา

 

โนเกีย ซีเมนส์ เน็ตเวิร์คส ประกาศเปิดตัว "Liquid Net" โซลูชั่นใหม่ที่สนับสนุนอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ ซึ่งจะช่วยให้โอเปอเรเตอร์ติดตั้งเครือข่ายที่มีความสามารถในการปรับตัวให้พร้อมด้านความครอบคลุมของพื้นที่ให้บริการและการรองรับปริมาณการใช้งานที่เกิดจากความต้องการของลูกค้า นอกจากนี้ การนำเสนอโซลูชั่นใหม่ดังกล่าว  ยังมีจุดมุ่งหมายสำคัญเพื่อพัฒนาคุณภาพของบริการบรอดแบนด์ทั่วโลก เนื่องจาก "Liquid Net" จะช่วยโอเปอเรเตอร์ให้สามารถใช้อุปกรณ์และทรัพยากรที่มีอยู่ในโครงข่ายอยู่แล้วให้เกิดประโยชน์ได้เต็มที่ และยังสร้างแหล่งรายได้ใหม่ๆ ด้วย

 

การเติบโตอย่างรวดเร็วของบรอดแบนด์นั้น  หมายความว่า เครือข่ายจะต้องพร้อมรับมือกับความต้องการใช้ข้อมูลของผู้ใช้งาน ซึ่งปริมาณเฉลี่ยอยู่ที่มากกว่า 1 กิกะไบท์ต่อผู้ใช้ต่อวัน 1  ขณะเดียวกัน ความต้องการนี้ก็ยังมีแนวโน้มสูงว่าจะไม่สามารถคาดการณ์ได้  และยังมีความผันผวนระหว่างสถานที่ในเวลาใช้งานที่แตกต่างกัน ไปตามการใช้งานที่บ้าน ที่ทำงาน และระหว่างเดินทาง  โดยกล่าวได้ว่าการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันในการใช้บรอดแบนด์ ยังสามารถเกิดขึ้นได้เมื่อมีการเปิดตัวซอฟต์แวร์ใหม่ๆ สำหรับมือถือ  หรือมีการเปิดตัวเวอร์ชั่นอัพเดทของแอพพลิเคชั่นยอดฮิต รวมถึงบริการใหม่ๆ ที่โดดเด่นเป็นพิเศษ ซึ่งทั้งหมดนี้จะทำให้โอเปอเรเตอร์ไม่มีเวลาสำหรับการเตรียมตัว

 

มาร์ค โรอาน (Marc Rouanne)  หัวหน้ากลุ่มระบบเครือข่าย บริษัท โนเกีย ซีเมนส์ เน็ตเวิร์คส กล่าวว่า "ความจุของเครือข่ายยุคเดิมที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ถูกคำนวณไว้ตายตัวในแต่ละส่วนของโครงข่าย อย่างเช่น ในสถานีฐานแต่ละตัว ในเครือข่ายหลัก (core network) สำหรับข้อมูลเสียงหรือ data ในโครงข่ายใยแก้วความเร็วสูง (Optical Network) หรือโครงข่าย IP"

 

เขากล่าวอีกว่า "แต่ละส่วนก็มีโอกาสเกิดปัญหาคอขวดหรือการติดขัดของสัญญาณได้ ในกรณีที่มีความต้องการใช้บริการผ่านบรอดแบนด์จำนวนมากในเวลาเดียวกัน ขณะที่ความต้องการที่มากบ้าง น้อยบ้าง และไม่สามารถคาดการณ์ได้ในส่วนหนึ่งส่วนใดของเครือข่าย ก็จะหมายถึงยังมีความจุอีกจำนวนมหาศาลซึ่งไม่ได้ถูกใช้งานอยู่ในส่วนอื่นของโครงข่าย  ซึ่งทำให้สิ่งที่ลงทุนไว้ใช้งานได้ไม่คุ้มค่า ตัวอย่างเช่น ความจุของเครือข่ายหลักแบบดั้งเดิมอาจไม่ได้ใช้งานอยู่มากถึง 50% ดังนั้น "Liquid Net" จะช่วยปลดปล่อยความจุของเครือข่ายในส่วนที่ไม่ได้ใช้ให้ออกมาสู่แหล่งสำรองหรือบ่อพักที่สามารถไหลเข้าไปเติมเต็มความต้องการในจุดอื่นของโครงข่ายที่คาดการณ์ล่วงหน้าไม่ได้นั้น ไม่ว่าผู้ใช้งานมีการใช้บรอดแบนด์อยู่ที่ไหน และเมื่อไรก็ตาม"

 

ทั้งนี้ โนเกีย ซีเมนส์ เน็คเวิร์คส ได้พัฒนา "Liquid Net"2 เพื่อปลดปล่อยศักยภาพของโครงข่ายที่ไม่ได้ถูกใช้งานออกมา และสามารถนำมาใช้ได้ทันทีภายในเครือข่ายทั้งระบบ ไม่ว่าจะมีความต้องการใช้งานเกิดขึ้นตรงจุดไหนและเมื่อไร

 

"Liquid Net" มีการใช้ประโยชน์สูงสุดจากระบบปรับแต่งตัวเอง (self-adapting) และระบบอัตโนมัติ เพื่อนำเสนอบริการและคอนเทนท์ ที่มอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าจากความสามารถในการรับรู้ถึงสถานะการทำงานของเครือข่ายและแอพพลิเคชั่นที่ลูกค้ากำลังใช้งานอยู่ นอกจากนี้  "Liquid Net"  ยังช่วยจัดการช่องสัญญาณใน transport network เพื่อจัดส่งข้อมูลระหว่างสถานีในโครงข่ายโดยใช้ต้นทุนต่ำที่สุด

 

ไม่เพียงแต่ช่วยให้โอเปอเรเตอร์สร้างความภักดีจากลูกค้าได้เพิ่มขึ้น "Liquid Net" ยังสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ อีกด้วย

 

"Liquid Net" ได้รับการพัฒนาขึ้นบนหลักการของนวัตกรรม "Liquid Radio" จากโนเกีย ซีเมนส์ เน็ตเวิร์คส และมีการเพิ่มเติมคุณสมบัติการทำงานของ "Liquid Core"  และ "Liquid Transport"  ให้กับเครือข่าย ซึ่งโอเปอเรเตอร์สามารถเลือกติดตั้งเพียงบางส่วนในโครงข่ายที่มีซัพพลายเออร์หลายราย หรือจะเลือกติดตั้งทั้งระบบในทุกส่วนของโครงข่าย เพื่อนำประโยชน์ทุกด้านของ "Liquid Net" มาใช้ได้อย่างเต็มที่

ปีเตอร์ จาริช ผู้อำนวยการฝ่ายบริการ สำหรับโครงสร้างพื้นฐานของผู้ให้บริการ บริษัท เคอร์เรนท์ อะนาไลซิส กล่าวว่า "เมื่อ Liquid Radio ทำหน้าที่เข้าไปสนับสนุนในเรื่องการเพิ่มความจุและความยืดหยุ่นในส่วนของเครือข่ายสถานีฐาน หรือ Radio Access Network (RAN) ดังนั้น Liquid Net ก็น่าจะต่อยอดนำคุณสมบัติเดียวกันไปใช้กับโครงข่ายหลัก (core network) และ transport network  ซึ่งจะไม่จำกัดเฉพาะเรื่องการรองรับปริมาณการใช้งานข้อมูลของผู้ใช้งานเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการลงทุนในส่วนของค่าใช้จ่ายด้านการลงทุน (CAPEX) อีกด้วย"

 

"อาจเป็นข้อสำคัญที่สุดด้วยที่ Liquid Net  จะพูดถึงความจำเป็นสำหรับโซลูชั่นมากกว่าประเด็นตัวผลิตภัณฑ์ ในขณะที่แต่ละส่วนสามารถที่จะนำไปติดตั้งได้ในโครงข่ายที่มีซัพพลายเออร์หลายราย แต่การผสมผสานของ  Liquid Radio, Liquid Core และ Liquid Transport  ให้รวมอยู่ใน Liquid Net  จึงเป็นการพูดถึงความคิดแบบบูรณาการ ที่ครอบคลุมความต้องการและข้อวิตกของโอเปอเรเตอร์อย่างรอบด้าน"

 

ทั้งนี้ Liquid Radio, Liquid Core และ Liquid Transport  สามารถนำมาติดตั้งในเครือข่ายได้ทั้งแบบรวมกัน หรือแยกกัน เพื่อให้เครือข่ายมีศักยภาพ ความครอบคลุมและบริการ ที่มีความลื่นไหลไม่สะดุดในทุกเวลา ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับเครือข่ายที่ใช้อุปกรณ์จากซัพพลายเออร์หลายราย และแน่นอนว่า เมื่อโซลูชั่นนี้ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับโครงข่ายทั้งระบบ ดังนั้น การใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากความสามารถที่จะสนับสนุนบริการแบบลื่นไหลก็จะจะเกิดขึ้นได้จริง

 

พร้อมกันนี้ เขายังสรุปว่า "กล่าวโดยสรุปแล้ว ยิ่งมีความคิดของการให้บริการได้อย่างไม่สะดุด ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้งานได้มากเท่าไร ก็ยิ่งดีขึ้นเท่านั้น"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น